พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นการผสมผสานกันระหว่างธรรมเนียมของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธ ซึ่งต้องย้อนกลับไปหลายศตวรรษโดยพระราชพิธีบรมราชาภิเษกประกอบไปด้วย พระราชพิธีสรงพระมูรธาภิเษก พระราชพิธีถวายน้ำอภิเษก พระราชพิธีถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และการสถาปนาพระราชินีและพระราชวงศ์ ส่วนพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรเป็นพระราชพิธีที่จัดขึ้นโดยเหล่าสมาชิกของราชวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง
ภายหลังจากประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเสร็จสิ้นแล้ว พระมหากษัตริย์จะประทับพระที่นั่งราชยานพุดตานทองไปประกาศพระองค์เป็นพุทธมามกะและเสด็จไปสักการะพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมราชบูรพการี
ความหมายของพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบด้วยคำ พระราชพิธี+บรม+ราช+อภิเษก มีคำสำคัญของพระราชพิธีนี้คือคำ “อภิเษก” หมายถึง “รดน้ำ” ดังปรากฏในอักขราภิธานศรับท์ ของหมอบรัดเลย์ พิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2416 ให้ความหมายคือ “อะภิเศก แปลว่า รดน้ำลงยิ่ง”
ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ให้ความหมายของคำ “อภิเษก” คือ “แต่งตั้งโดยการรดน้ำ เช่น พิธีขึ้นเสวยราชย์ของพระเจ้าแผ่นดิน”
ดังนั้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงหมายถึงพระราชพิธีในการสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
สำหรับพิธีราชาภิเษกอันเกี่ยวเนื่องด้วยพระมหากษัตริย์มี 5 ประการ มีการกล่าวถึงในคัมภีร์ปัญจราชาภิเษก สันนิษฐานว่าเขียนโดยพระพิมลธรรมหรือต่อมาคือสมเด็จพระพนรัตน์แห่งสำนักวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเมื่อทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2328 ดังนี้
1.อินทราภิเษก คือ ราชาภิเษกสำหรับผู้มีอำนาจการเมือง เศรษฐกิจ และบุญญาธิการ ดุจดังราชาธิราช ประกอบด้วยลักษณะ 3 ประการ คือ พระอินทร์นำเครื่องราชกกุธภัณฑ์มาถวาย ราชรถมาจรดฝ่าพระบาท และมีฉัตรทิพย์มากางกั้น
2. โภคาภิเษก คือ ราชาภิเษกสำหรับผู้ที่สืบเชื้อสายตระกูลพราหมณ์ เป็นตระกูลมหาเศรษฐี ยังเป็นผู้รู้จักในราชธรรมตราชูธรรม และทศกุศล อันจะเป็นประโยชน์ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎร
3. ปราบดาภิเษก คือ ราชาภิเษกสำหรับผู้อยู่ในตระกูลกษัตริย์ขัตติยราช มีฤทธิ์อำนาจและความสามารถในการสู้รบชนะข้าศึกศัตรูได้ครอบครองบ้านเมืองและทรัพย์สมบัติทั้งหลายกษัตริย์ขัตติยราช ขัตติยะนักรบ ปราบปรามอริราชศัตรูขึ้นเสวยราชย์
4. ราชาภิเษก คือ ราชาภิเษกด้วยการสืบราชสันตติวงศ์เป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดาของพระราชบิดาและพระราชมารดาผู้ทรงครองราชสมบัติทรงพระชราแล้ว
5. อุภิเษก คือ ราชาภิเษกด้วยการอภิเษกสมรส หาหญิงที่มีตระกูลเสมอกันมาทำการอภิเษกสมรสกับพระราชโอรส ซึ่งหญิงนั้นอาจจะมีเชื้อสายกษัตริย์ในแว่นแคว้นอื่นๆ ที่มีวงศ์ตระกูลดีซึ่งเป็นสวัสดิชาติ
ถวายเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์

ขั้นตอนการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ผ่านมานั้น มีการปรับเปลี่ยน โดยพระมหากษัตริย์แต่ละรัชกาลย่อมทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการปรับเปลี่ยนบางอย่างตามพระราชนิยม
การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น ม.ร.ว. แสงสูรย์ ลดาวัลย์ ได้เขียนอธิบายไว้ในหนังสือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ถึงขั้นตอนของพิธีที่อาจแบ่งแยกออกไปได้เป็น 5 ตอน ดังนี้
1.ขั้นเตรียมพิธี มีการทำพิธีตักน้ำและตั้งพิธีเสกน้ำสำหรับถวายเป็นน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษก กับทำพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
2. พิธีเบื้องต้น มีการเจริญพระพุทธมนต์ ตั้งน้ำวงด้าย จุดเทียนชัย และเจริญพระพุทธมนต์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
3. พิธีบรมราชาภิเษก มีพิธีสรงพระมุรธาภิเษก แล้วประทับพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์รับน้ำอภิเษก ประทับพระที่นั่งภัทรบิฐรับถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์
4. พิธีเบื้องปลาย มีการเสด็จออกมหาสมาคม สถาปนาสมเด็จพระราชินี แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทำพิธีประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภกในพระบวรพุทธศาสนา ถวายบังคมพระบรมศพ พระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี และเสด็จเฉลิมพระราชมณเฑียร
5. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราทั้งทางสถลมารคและชลมารค
ส่วนขั้นตอนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีรายละเอียดใน ประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดังนี้
“เลขาธิการพระราชวัง รับพระราชโองการเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ให้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า โดยที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย ตามคำกราบทูลเชิญของประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลในนามของปวงชนชาวไทยนั้น
ทรงพระราชดำริว่า เป็นโอกาสอันควรที่จะได้ประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณี เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลของประเทศชาติ และราชอาณาจักร ให้เป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนผู้มีความหวังตั้งใจอยู่ทั่วกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้น ดังนี้
วันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงค์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร
วันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงค์ จากนั้น เสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค
วันที่ 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้น เสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล
ส่วนการเสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มีขึ้นในช่วงการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ปลายปีพุทธศักราช ๒๕๖๒
สืบค้นข้อมูลหนังสือกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้ที่ : shorturl.asia/82XGN
E-book : http://www.phralan.in.th/coronation
ขอบคุณแหล่งที่มา www.silpa-mag.com
เคดิตรูปภาพ www.sanook.com