Coco: วันอลวน วิญญาณอลเวง
Director: Lee Unkrich
Writer: Lee Unkrich
Actors: Anthony Gonzalez, Gael García Bernal, Benjamin Bratt, Alanna Ubach, Renée Victor, Ana Ofelia Murguía, Edward James Olmos
Runtime: 109 min.
Studio: Walt Disney Pictures Pixar Animation Studios
Composer: Michael Giacchino
I have to sing. It’s not just *in* me… It *is* Me.
COCO เป็นเรื่องของเด็กชายเม็กซิกันวัย 12 ปี Miguel Rivera (Anthony Gonzalez) เกิดมาในครอบครัวที่แอนตี้ดนตรี เพราะปู่เทียดของเขาเคยละทิ้งครอบครัวไปเพื่อไปเล่นดนตรี แต่ Miguel ฝันอยากเป็นนักดนตรี
Miguel ไม่มีกีต้าร์ เพราะย่า (Renee Victor) ทำลายไปแล้ว เขาจึงต้องแอบไปขโมยกีต้าร์ของ Ernesto de la Cruz (Benjamin Bratt) นักร้องในตำนานผู้ล่วงลับ มาใช้ในการประกวดร้องเพลงในวันเทศกาลสำคัญประจำปี ซึ่งนั่นทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นกับเขา เขากลายเป็นวิญญาณ และได้ไปยังดินแดนแห่งความตาย
ที่นั่นเขาได้เจอกับบรรพบุรุษในตระกูลผู้ล่วงลับไปแล้วของเขา รวมถึงย่าเทียด Imelda (Alanna Ubach) ผู้ซึ่งพร้อมจะช่วยให้ Miguel กลับไปยังโลกมนุษย์ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเลิกยุ่งกับดนตรี ซึ่ง Miguel ไม่ยอม เขาหนีเหล่าวิญญาณบรรพบุรุษของตัวเอง เพื่อไปตามหา Ernesto de la Cruz ผู้เป็นไอดอลในดวงใจ โดยมีวิญญาณไร้ญาติ Héctor (Gael García Bernal) คอยช่วยเหลือ
ส่วนชื่อเรื่อง Coco คือชื่อของย่าทวดของเขา ซึ่งเราอาจจะได้มาเก๊ตตอนท้าย ๆ เรื่องว่าทำไมชื่อเรื่องต้องชื่อ Coco ไม่ใช้ชื่อ Miguel (แอบซึ้งน้ำตาซึม ฮือออ)
ต้องยอมรับว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ Pixar เป็นค่ายที่ทำการ์ตูนแอนิเมชั่นได้สนุก และเล่าเรื่องดีงาม แถมสอนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ดีกว่า หนังที่ใช้คนแสดงจริง ๆ หลายต่อหลายเรื่องเสียอีก ปีนี้ก็เป็นอีกปี ที่เรามั่นใจว่าหนังแอนิเมชั่นจากค่าย Pixar จะต้องได้เข้าชิงออสการ์ ดีไม่ดีอาจได้รางวัลชนะเลิศไปเลยเสียด้วยซ้ำ สำหรับเรื่อง COCO
ปีนี้ตัวเราเองอาจได้ดูหนังแอนิเมชั่นไปไม่เยอะเรื่องนัก แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า COCO เป็นหนึ่งในหนังแอนิเมชั่นที่ดีและสนุกที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปี 2017 เพราะความดีงามและความสนุกของ COCO ทัดเทียมกับ Zootopia, Inside Out และอีกหลาย ๆ เรื่องที่เข้าชิงและได้รับรางวัลออสการ์เมื่อปีก่อน ๆ มาแล้ว
COCO หน้าหนังเหมือนจะเป็นหนังคนล่าฝัน แต่จริง ๆ แล้ว ความฝันและการตะกายฝันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หลัก ๆ ที่หนังพยายามสอนเรา และสอนได้น่ารักมาก ๆ คือ เรื่องของความสัมพันธ์ในครอบครัว การเคารพและการระลึกถึงญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว
เราเกิดมาในยุคที่ celebrities เฟื่องฟู เรามีนักร้องดังหรือดาราตัวท็อปเป็นไอดอล คนเหล่านี้จะเป็นหรือจะตาย ก็จะมีคนรัก เทินทูน และจดจำไปอีกนานมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ในขณะที่คนที่ไม่ได้ดังอาจไม่ได้รับการจดจำ ทั้งที่เขาอาจอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนกลุ่มแรกที่กล่าวมานั้น หรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่ในบ้านของเราเองก็ตาม บางคนยังจดจำและระลึกถึงพวกเขาไม่มากพอ
COCO ทำให้เราเข้าใจจริง ๆ ว่า คนที่เขาตายไปแล้ว แท้จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้ไปไหนเลย หากแต่ยังอยู่กับพวกเราเสมอ ถ้าเราคิดถึงหรือระลึกถึงพวกเขาเช่นกัน คนเราจะตายได้จริง ๆ ก็ต่อเมื่อไม่มีใครระลึกถึงเขาอีกแล้วหรือไม่มีตัวตนบนโลกแล้วจริง ๆ มากกว่า
COCO เนรมิตโลกแห่งความตายออกมาได้สวยงาม ไม่น่ากลัว แต่กลับน่าสนุกกว่าโลกมนุษย์เสียอีกด้วยซ้ำ ตรงส่วนนี้เราไม่ผิดหวังเลย ดูแล้วก็นึกถึงตอนเขาครีเอทโลกของสัตว์ใน Zootopia
ตัวละครหลักในเรื่องเป็นชาวเม็กซิกัน ถือว่า Pixar เองก็กล้าหาญในระดับหนึ่งที่เลือกทำแบบนี้ในยุคที่ Donald Trump ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ในเรื่องตัวละครเม็กซิกันก็มีพูดภาษาสเปนเป็นครั้งคราว เฉพาะคำสำคัญ ๆ หรือในบริบทที่คนดูน่าจะเข้าใจได้ว่ามันแปลว่าอะไรถึงแม้จะไม่มี subtitle (ซึ่งจริง ๆ คือเขาก็ไม่ทำ subtitle เป็นภาษาอังกฤษจริง ๆ ด้วยสำหรับคำที่พูดเป็น Spanish)
COCO เป็นหนังที่เราดูแล้วรู้สึกอบอุ่น อิ่มเอม ชุ่มชื้นหัวใจ และเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอันเป็นสุข แถม “Olaf’s Frozen Adventure” ซึ่งเป็นหนังสั้นความยาว 20 นาทีที่แถมมาก่อนเริ่มเรื่อง ก็ปูทางให้ COCO ทำงานง่ายขึ้นมาด้วยแล้วอย่างดี ทั้งในประเด็นของครอบครัวและประเพณี (ยิ่งใครเป็นแฟน Frozen ก็คงยิ่งฟิน ๆ ๆ แล้วก็เตรียมดูภาค 2 กันได้เลย)