ขอน้ำบ้างได้ไหม?
วันที่ 1 มีนาคม 2501 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณสถานในเมืองศรีสัชนาลัยอยู่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหยุดมีพระราชปฏิสันถารกับนางเล็ก เปล่งเสียง ชาวบ้านตำบลสารจิต อ.ศรีสัชนาลัย ซึ่งนำน้ำมาตั้งไว้หลายถังเผื่อผู้คนในขบวนเสด็จจะกระหาย
พ่อหลวงทรงรับสั่งว่า “ฉันขอน้ำบ้างได้ไหม..??”
นางเล็ก “ไม่กล้าให้ในหลวงกิน เพราะเป็นน้ำธรรมดา..”
พ่อหลวงทรงแย้มพระสรวล “ปกติฉันก็กินน้ำธรรมดาอย่างนี้นี่แหละ..”
“ น้ำท่วมครั้งนั้น ”
วันที่ 7 พ.ย. 2526 ขณะที่ชาวกรุงเทพมหานครส่วนหนึ่งกำลังทนทุกข์หนักกับสภาพน้ำท่วมขัง น้อยคนที่จะรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพยายามหาหนทางบรรเทาทุกข์ให้พวกเขาอยู่อย่างเงียบ ๆ
วันนั้นรถพระที่นั่งแวนแวคคอนเนียร์ แล่นออกจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ราวบ่ายสองโมงเศษ สู่ถนนศรีอยุธยาเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี มุ่งสู่ถนนบางนาตราด ไม่มีหมายกำหนดการ ไม่มีการปิดถนน แม้แต่ตำรวจท้องที่ก็ไม่ทราบล่วงหน้า รถยนต์พระที่นั่งชะลอเป็นระยะ ๆ เพื่อทรงตรวจดูระดับน้ำ จนเมื่อถึงคอสะพานสร้างใหม่ที่คลองลาดกระบัง จึงเสด็จลงจากรถยนต์พระที่นั่งเพื่อทรงหารือกับเจ้าหน้าที่ที่ตามเสด็จ ทรงฉายภาพด้วยพระองค์เอง ทรงกางแผนที่ทอดพระเนตรจุดต่าง ๆ จนถึงเวลาบ่ายคล้อย รถยนต์พระที่นั่งจึงแล่นกลับ เมื่อถึงสะพานคลองหนองบอน รถพระที่นั่งหยุดเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉายภาพบริเวณน้ำท่วมและทรงศึกษาแผนที่ร่องน้ำอีกครั้ง
ปรากฎว่าชาวบ้านทราบข่าวว่าในหลวงมาดูน้ำท่วม ต่างก็พากันมาชมพระบารมีนับร้อย ๆ คน จนทำให้การจราจรบนสะพานเกิดการติดขัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงโบกพระหัตถ์ให้รถขบวนเสด็จผ่านไปจนเป็นที่เรียบร้อยด้วยพระองค์เอง
ด้วยทรงยึดมั่นในพระราชหฤทัยเสมอว่า ทุกข์สุขของราษฎร คือทุกข์สุขของพระองค์เอง ชาวบ้านที่ได้เฝ้าชมพระบารมีโดยไม่คาดฝัน หลายคนนึกอยู่ในใจว่า “น้ำท่วมหรือจะชนะน้ำพระราชหฤทัย”
“ ต่อไปจะมีน้ำ ”
ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมาจากต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนัก หญิงชราคนหนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯรับเสด็จ ได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า
“ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้ำ เราเอาน้ำมาให้”
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระดำเนินกลับไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอด ห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฎว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง จู่ๆ ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบปี ทำให้ผู้ตามเสด็จและราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงงไปตามๆกัน
“ ไม่เป็นไร เราไปได้ ”
เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่เชิงเทือกเขาภูพาน จ. สกลนคร ทรงต้องการจะเสด็จฯ ไปยังต้นน้ำ เพื่อหาจุดสร้างอ่างเก็บน้ำ ต้องเดินลุยไปกว่า 1 กิโลเมตร เส้นทางเล็กและแคบมาก คดเคี้ยวไปมาแฉะไปด้วยน้ำ ต้องเดินเรียงแถวกันเข้าไป ย่ำน้ำบ้าง โคลนบ้างตลอดเส้นทาง เดิมทีเดียวผมเดินตามหลัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมารแต่ทว่าระหว่างทาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงหันมาตรัสถามเป็นระยะๆ
“เอ้านายช่าง เดินขึ้นไป” สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชตรัส
เพื่อให้สะดวกขึ้นในการถวายรายงาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ โปรดให้ผมขยับขึ้นมาด้านหน้าพระองค์ เพื่อให้เดินตามหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายรายงานได้สะดวกยิ่งขึ้น
Cr. mcot