ชีวิตแบบ “พอเพียง” จากของใช้ส่วนพระองค์

พอเพียง คำง่ายๆ ทีแต่ละคนตีความหมายไม่เท่ากัน บางคนรู้จักพอในสิ่งที่มีไม่มากไม่น้อยเกินไป พอใจกับชีวิตตนเอง บางคนมีมากกว่าแต่ก็ยังไม่รู้สึกไม่พอ ทำให้ต้องดิ้นรนพยายามให้มีมากขึ้น สุดท้ายก็เบียดเบียนหรือลามไปถึงผู้อื่น

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงที่ทุกคนสามารถทำตามได้ ทั้งทีพระองค์ท่านมีทุกอย่างที่เพียบพร้อมในการใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่พระองค์ท่านเลือกที่จะใช้สิ่งของอย่างรู้คุณค่า ซึ่งสะท้อนได้จากของใช้ส่วนพระองค์ที่จะนำมาเล่าในวันนี้

ฉลองพระบาท

ฉลองพระบาทคู่โปรด หนังสีดำธรรมดา สภาพชำรุดทรุดโทรมเนื่องจากการใช้งานหลายสิบปี ภายในรองเท้าผุกร่อนหลุดล่อนหลายแห่ง ท่านใช้จนสภาพชำรุดทรุดโทรม ถึงจะเก่าแต่ก็ยังนำมาซ่อมเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถซ่อมได้แล้วจึงหยุด ซึ่งถ้าหากเป็นคนทั่วไปก็อาจจะทิ้งไปแล้ว เป็นสิ่งที่คุณศรไกร แน่นศรีนิล ช่างทำรองเท้าร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เล่าย้อนว่า ‘ในสมัยนั้นหลังจากที่เป็นลูกจ้างร้านซ่อมรองเท้ามาสิบกว่าปี ก็ได้มาเปิดร้านของตัวเองแถบถนนพิชัย วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังก็ได้ถือพานใส่รองเท้าเข้ามาในร้าน และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอันทรงเกียรติที่ได้มีโอกาสถวายงานแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยาวนานเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งในครั้งแรกนั้นนอกจากจะใช้เวลาซ่อมฉลองพระบาทคู่สีดำเกือบเดือน เขายังถือโอกาสตัดฉลองพระบาทถวายพระองค์ท่านเพิ่มอีกคู่หนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทอีก 4 คู่ที่ทรุดโทรมแตกต่างกันไป’

ปัจจุบันนี้ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เก็บรักษาชิ้นส่วนพื้นฉลองพระบาทใส่กรอบไว้บนหิ้งบูชา ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง

ดินสอทรงงาน

ครั้งหนึ่งมหาดเล็กคนใหม่คนหนึ่ง มีโอกาสได้เข้ามาจัดเก็บสิ่งของในห้องของพระองค์ท่าน มหาดเล็กผู้นั้นมองเห็นดินสอแท่งหนึ่งซึ่งถูกใช้จนเหลือสั้นมากแทบจะกุดเต็มที เขาจึงนำดินสอแท่งนั้นไปทิ้ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้ามาในห้องก็ตรัสถามว่า

“ดินสอของเราอยู่ไหน?”

มหาดเล็กก็ตอบว่า .. ได้นำไปทิ้งแล้ว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินไปที่ถังขยะ ทรงหยิบดินสอแท่งนั้นขึ้นมาแล้วตรัสกับมหาดเล็กคนนั้นว่า

“ดินสอแท่งนี้ถึงแม้จะสั้นจวนจะกุดแล้ว แต่หากเรานำแท่งต่อดินสอมาใส่ ดินสอที่เหมือนจะใช้ไม่ได้แล้วแท่งนี้ก็สามารถใช้ได้เหมือนเดิม สามารถใช้ได้จนหมดแท่ง”

ทรงเลือกใช้ดินสอในการทรงงานเป็นส่วนใหญ่ เพราะด้วยทรงเห็นว่าประหยัด ราคาถูก ผลิตได้ในประเทศ และเมื่อผิดก็สามารถลบออกได้ง่าย แม้จะเป็นเพียงดินสอราคาถูก แต่พระองค์ก็ทรงใช้อย่างประหยัด และเห็นคุณค่าเสมอ ในปีหนึ่งพระองค์จะทรงเบิกดินสอที่มียางลบติดท้ายแท่ง เพียงแค่ 12 แท่งเท่านั้น โดยใช้เดือนละ 1 แท่ง จนกระทั่งดินสอแท่งนั้นกุดจนเขียนไม่ได้แล้วจึงเปลี่ยน เมื่อสั้นจะทรงใช้กระดาษมาม้วนต่อปลายดินสอให้ยาว เพื่อให้เขียนได้ถนัดมือจนกระทั่งหมด

หลอดยาสีพระทนต์

ภาพหลอดยาสีพระทนต์นี้จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีลักษณะแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม

แผนที่ของพ่อ

นอกเหนือจากดินสอไม้มียางลบที่เป็นสิ่งของทรงงาน ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯไป ณ สถานที่ใด จะต้องมีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งติดข้างพระวรกายเสมอ ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า “แผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000” เป็นเครื่องมือที่นายช่างชลประทานใช้ในการวางโครงการชลประทานเบื้องต้น และหากคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา จะพบว่ามีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เองอย่างปราณีต ขนาดถึง 9 แผ่น หรือ 9 ระวาง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก เพื่อสามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันทีโดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น

ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึง “แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ 9” ไว้ในรายการวิทยุ “พูดจาภาษาช่าง” ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ โดยจะขอยกมาใจความหนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่กว้างกว่าแผนที่คนอื่น “ทุกครั้งก่อนที่จะเสด็จฯไปไหน พระองค์ท่านจะทรงเตรียมทำแผนที่และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด แล้วเมื่อเสด็จฯไปถึง พระองค์ท่านจะทรงสอบถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน ทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ถามหลายๆคน แล้วตรวจสอบไปมา ระหว่างที่ถามนั้นดูจากแผนที่ว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน” ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมแผนที่ของพระองค์ท่านจึงเต็มไปด้วยรอยปะกาว

นาฬิกาส่วนพระองค์

พระองค์ทรงไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องใช้ของแพง หรือต้องเป็นแบรนด์เนม ไม่โปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้นนาฬิกา ภาพพระองค์ในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี นาฬิกาบนข้อพระหัตถ์คือ Seiko SKJ045P นาฬิกาดำน้ำระบบ Kinetic ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิการะดับธรรมดามากๆ เรียกภาษาชาวบ้านคือเป็นนาฬิกาใช้งาน แสดงถึงความเรียบง่ายและสมถะของพระองค์ท่าน และทรงเป็นแบบอย่างแห่งความพอเพียงอย่างที่สุด

หากเราสามารถเข้าใจถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างถ่องแท้ ชีวิตของเราก็จะพบแต่ความสุขแบบพอดีในทางสายกลาง ตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นแบบอย่างให้กับปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ

Cr. unlockmen, Withaya Heng