Movie Critical

The Autopsy of Jane Doe

Directed by André Øvredal
Produced by Fred Berger, Eric Garcia, Ben Pugh, Rory Aitken
Written by Ian Goldberg, Richard Naing
Starring Emile Hirsch, Brian Cox, Olwen Catherine Kelly
Music by Danny Bensi, Saunder Jurriaans
Cinematography Roman Osin
Edited by Patrick Larsgaard
Running time 86 minutes

หลังจากกวาดคำชมและเสียงวิจารณ์ในเทศกาลภาพยนต์โตรอนโต้มาได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ กับสุดยอดภาพยนต์แนวสยองขวัญอินดี้เรื่องนี้ The Autopsy of Jane Doe ตัวหนังเปิดฉากมาที่เหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ที่เกิดขึ้นในบ้านหลังหนึ่ง เหยื่อถูกพบทั้งหมด 4 ราย ซึ่งแต่ละคนถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เลือดที่สาดกระจายและไหลนองไปทั่วทั้งบ้าน แต่ที่น่าแปลกก็คือตำรวจไม่พบร่องรอยการบุกรุกหรืองัดแงะแต่อย่างใด ข้าวของทุกชิ้นยังถูกวางไว้เป็นระเบียบ ไม่มีชิ้นไหนหายไปเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าพวกเขาพยายามต่อสู้ดิ้นเอาชีวิตรอดออกไป

ตำรวจตามเก็บหลักฐานต่อไปเรื่อยๆจนได้พบกับห้องใต้ดินของบ้านหลังนั้น และได้พบกับสิ่งที่ทำให้พวกเขาถึงกับต้องตกตะลึง เธอคือ Jane Doe ศพหญิงสาวปริศนาที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่มีบัตรประจำตัวหรือแม้กระทั่งลายนิ้วมือ (Jane Doe เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกศพนิรนามที่ยังไม่ทราบชื่อ ถ้าเป็นศพผู้ชายจะเรียกว่า John Doe) พวกเขานำร่างของเธอออกมาจากภายในบ้านและส่งมอบต่อให้กับ Tommy และ Austin Tilden แพทย์ชันสูตรศพสองพ่อลูกที่เก่งที่สุดในรัฐเวอร์จิเนีย

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ Tommy เป็นแพทย์ชันสูตรศพมา มีหลายเคสที่มีสาเหตุการตายที่แปลกประหลาดเกินคาด แต่ทุกเคสเขาก็สามารถหาคำอธิบายและช่วยตำรวจไขคดีได้อยู่เสมอ ส่วน Austin ที่ยังดูหนุ่มแน่นเขาก็สามารถเจริญตามรอยพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะมีบางครั้งที่ผิดพลาดแต่ก็ได้ Tommy คอยตักเตือนให้อยู่ตลอดเวลา เพื่อหวังจะให้ Austin สืบทอดเจตนารมณ์ของเขาต่อไป แต่มันไม่ใช่ในค่ำคืนนี้ เมื่อศพของ Jane Doe ถูกเข็นเข้ามาอย่างเร่งด่วน ตำรวจต้องการทราบถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของเธอ รวมไปถึงที่มาที่ไป เธอเป็นใครมาจากไหนและเพราะอะไรศพของเธอถึงถูกเก็บเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านที่ถูกฆาตกรรมยกครอบครัว สองพ่อลูกต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนการแถลงข่าวของตำรวจในวันพรุ่งนี้ ทั้งคู่เริ่มต้นงานของพวกเขาทันที แต่ทว่า Jane Dow ศพนี้ไม่เหมือนทุกศพที่เขาเคยเจอกันมาก่อน

ร่างกายของเธอยังดูสวยงามไม่ต่างอะไรจากคนเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่กระดูกข้อมือและข้อเท้าถูกทุบจนแหลกละเอียด ลิ้นของเธอถูกตัดออกไป รวมไปถึงดวงตาที่เป็นสีเทาสนิท ยิ่งผ่าชันสูตรลงไปในศพของเธอ พวกเขาก็ยิ่งค้นพบความน่ากลัวเพิ่มเข้าไปทุกขณะ สภาพอวัยวะภายในที่ไหม้เกรียมคล้ายกับศพที่ถูกไฟคลอกอย่างรุนแรง ร่องรอยของการกรีดและแทงลงบนอวัยวะภายใน ทั้งปอด ตับหรือแม้แต่กระทั่งหัวใจ ที่กระเพาะอาหารพวกเขายังพบกับเศษผ้าที่ลงอักขระโบราณ คล้ายกับว่าเพื่อป้องกันหรือสะกดบางสิ่งบางอย่าง

สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นมาเองได้กับสภาพศพที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยขีดข่วน นี่มันเกินกว่าคำว่าจินตนาการไปไกลมาก สองพ่อลูกเริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในตัวของศพนี้ พวกเขาควรจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วหันหลังออกไปจากที่นี่ซะ ก่อนที่ทุกๆอย่างจะสายเกินไป

หลังจากที่เราเคยสัมผัสความสยองของศพสาวมาแล้วใน Deadgirl (เรื่องนี้จะมาวิจารณ์ให้ในสัปดาห์หน้า) หรือจะเป็นศพสาวในห้องดับจิตอย่าง The Corpse of Anna Fritz  มาในวันนี้ก็เป็น The Autopsy of Jane Doe ทั้งสามเรื่องที่พูดมาข้างต้นนั้นล้วนแล้วแต่ใช้ธีมหลักเหมือนกันทั้งหมด คือการสร้างความน่ากลัวด้วยการใช้ศพของผู้หญิง แล้วสร้างความประหลาดใจให้กับคนดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เน้นการสร้างบรรยากาศความน่ากลัวมากกว่าเป็นแนวผีสะดุ้ง ซึ่งบอกเลยว่า The Autopsy of Jane Doe ทำได้ดีกว่าอีกสองเรื่องมาก สมแล้วที่ติดอันดับภาพยนต์สยองขวัญอินดี้ในปี 2016

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแค่นอนอยู่เฉยๆ ยังน่ากลัว ตัวหนังทำให้คนดูต้องแปลกใจปนกับความสะพรึงเมื่อได้เห็นภายในของศพ Jane Doe มันทั้งน่ากลัวเกินกว่าที่จะหาคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ สภาพศพที่ยังดูสดใหม่ แต่เครื่องในถูกไฟครอกจนไหม้เกรียม อวัยวะภายในมีร่องรอยของการโดนกรีดแทง แต่กลับไม่มีแผลภายนอกร่างกายเลยแม่แต่น้อย ไหนเลยจะเป็นฉากการผ่าศพสุดสยองที่ทำออกมาได้อย่างแนบเนียนสมจริง สร้างบรรยากาศความน่ากลัวได้อย่างต่อเนื่องจนไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลย อธิบายอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ (รู้มากไปจะไม่สนุก) ต้องลองดูเองแล้วจะเข้าใจ ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน

ความน่ากลัวที่สุดของภาพยนต์เรื่องนี้ก็คือการที่คนดูไม่รู้อะไรมาก่อนเลย และเดาไม่ได้ว่า Jane Doe คือใคร หรือเป็นตัวอะไรกันแน่? ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งสนุกมากเท่านั้น การได้ร่วมลุ้นไปพร้อมๆ กับ Tommy และ Austin Tilden นั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แถมยังได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนิติเวชอีกด้วย นับว่าเป็นประสบการณ์ความสยองที่ไม่เคยพบเจอในเรื่องไหนมาก่อน มันสด มันแปลกใหม่ และควรค่าแก่การรับชมจริงๆ

Save

Save