จากเครื่องพิมพ์ดีดสู่โลกดิจิทัล

การออกแบบที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน
ความมหัศจรรย์ที่เราไม่ทันสังเกต

ในโลกของเรานั้น ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาของอะไรบางสิ่งบางอย่างเราจึง คิด วิธีการที่จะแก้ปัญหาเพื่อมุ่งไปข้างหน้าสู่อนาคตโดย สร้าง เส้นทางในการก้าวไปข้างหน้า และต่อให้คิดและสร้างแล้ว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จหากพวกเรายังไม่ได้ “ออกแบบ” เส้นทางดังกล่าวนั้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกแบบในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบในเชิงรูปธรรม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่หมายถึงการออกแบบในเชิงโครงสร้าง ออกแบบวิธีคิด และวิธีการทำงาน ด้วยเหตุนี้ต่อให้เจอปัญหาก็สามารถใช้กระบวนการคิดและออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์

“ทำไมคีย์บอร์ดมันต้องเรียงแบบ QWERTY ด้วยนะ?”

รู้ไหม คีย์บอร์ดที่เราใช้ทุกวันมันไม่ได้เกิดมาพร้อมกับคอมฯ หรอกนะ”
ต้องย้อนกลับไปเกือบ 150 ปีก่อนโน่นเลย ยุคที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ ตอนนั้นเขาใช้ เครื่องพิมพ์ดีด กันอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับ ‘บรรพบุรุษของคีย์บอร์ด’ นั่นแหละ แล้วรู้มั้ยใครเป็นคนประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดที่ขายได้จริงคนแรก? คนชื่อ Sholes (Christopher Latham Sholes) เขาเป็นนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน แล้วสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาก็คือเครื่องพิมพ์ดีดที่มี “แป้นตัวอักษร” เหมือนคีย์บอร์ดที่เราคุ้นๆ กัน

แต่ปัญหาคือ… ตอนคนพิมพ์เร็วๆ แท่งเหล็กมันจะชอบติดกัน เขาเลยต้องออกแบบ “การเรียงแป้น” ใหม่ ให้แยกตัวอักษรที่มักถูกกดต่อกันออกจากกัน ผลก็คือได้ QWERTY ที่แม้จะไม่ได้เร็วที่สุด แต่ปัญหาแท่งพิมพ์เหล็กติดกันก็หายไป

การออกแบบในลักษณะนี้สะท้อนแนวคิด “Form Follows Function” หรือ “รูปแบบต้องตามการใช้งาน” ของ Louis Sullivan อย่างชัดเจน — เพราะแม้หน้าตาจะดูไม่เป็นระบบเท่าไหร่ แต่การจัดเรียงแป้นแบบ QWERTY ก็ถูกกำหนดจากปัญหาทางกลไกที่ต้องแก้ให้ได้ก่อน

คีย์บอร์ด QWERTY นี่แหละ… คือต้นทางของแป้นพิมพ์ที่เราใช้กันถึงทุกวันนี้เลย
Photo by  Frederick Douglass.


แล้วต่อมาเป็นไงมาไงมันถึงมาเชื่อมกับคอมฯ ได้หล่ะ?

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ยุคที่เรียกว่า เทเลไทป์ (teleprinter) ลองนึกภาพเครื่องพิมพ์ดีดที่ต่อสายโทรเลขไว้ ส่งข้อความไปพิมพ์อีกฝั่งหนึ่งได้แบบทันที มันก็คือการแชตผ่านเหล็กอะไรงี้!
เดี๋ยวก่อนนะ!!! รู้จัก โทรเลข รึป่าว
ไอเจ้าโทรเลขเนี่ยะ ก็คือ ระบบการสื่อสารด้วยข้อความผ่านสายไฟฟ้าหรือคลื่นวิทยุ โดยใช้รหัส (เช่น มอร์สโค้ด หรือที่เราเรียกกันว่า รหัสมอร์ส) เพื่อส่งข้อมูลระหว่างจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งก่อนที่จะมีอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์สมัยใหม่ การเชื่อมเครื่องพิมพ์ดีดกับสายโทรเลข ทำให้สามารถพิมพ์
ข้อความจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการสื่อสารแบบพิมพ์ข้อความในยุคก่อนอินเทอร์เน็ตนั่นเอง และแป้นพิมพ์พวกนี้เริ่มมีบทบาทใน “คอมพิวเตอร์ยุคแรกๆ” เช่น ENIAC หรือเมนเฟรมใหญ่ๆ ที่ใช้แป้นจากเทเลไทป์มาพิมพ์คำสั่ง ทฤษฎี Activity Theory อธิบายไว้ว่าเครื่องมือ (เช่นคีย์บอร์ด) ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้ใช้กับเป้าหมาย ซึ่งในยุคนี้ แป้นพิมพ์ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างมนุษย์กับโลกของคอมพิวเตอร์อย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็มีการพัฒนาให้คีย์บอร์ดกลายเป็นอุปกรณ์หลักในคอมพิวเตอร์เรื่อยมา จนในยุค 1970s เริ่มมีคีย์บอร์ดแบบพิเศษที่ใช้สวิตช์ไฟฟ้าเฉพาะทาง ทั้งแบบรีดและฮอลล์เอฟเฟกต์ คำว่า “รีดและฮอลล์เอฟเฟกต์” ในบริบทของคีย์บอร์ด หมายถึง ประเภทของสวิตช์ไฟฟ้า ที่ใช้ในคีย์บอร์ดบางรุ่น

  • รีดสวิตช์ (Reed Switch) เป็นสวิตช์ที่ทำงานโดยการใช้สนามแม่เหล็กเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้า ข้อดีคือความแม่นยำและความทนทานสูง มักใช้ในอุปกรณ์ที่ต้องการความเชื่อถือได้สูง เช่น อุปกรณ์อุตสาหกรรมหรือเครื่องใช้ทางการแพทย์

  • ฮอลล์เอฟเฟกต์สวิตช์ (Hall Effect Switch) ใช้เซนเซอร์วัดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กเพื่อรับรู้การกดแป้น ให้ความรู้สึกพิมพ์ที่นุ่มนวลแม่นยำ มีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถปรับแต่งแรงกดได้ในบางกรณี

ทั้งสองแบบนี้เคยเป็นที่นิยมในคีย์บอร์ดระดับสูงของยุค 70s–80s เพราะให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างจากเมมเบรนหรือแมคคานิคอลทั่วไป แต่ด้วยต้นทุนที่สูง จึงมักใช้ในงานเฉพาะกลุ่ม ซึ่งให้ความแม่นยำสุดๆ
Photo by Creed & Co Ltd from England
Photo by
billtuttememorial.org.uk


แต่ที่คนเริ่มติดใจจริงๆ คือช่วง IBM ออก Model M นี่แหละ!
ลองนึกถึงคีย์บอร์ดที่พิมพ์แล้วมีเสียง “คลิก คลิก คลิก” อะ มันคือตำนานของ Mechanical Keyboard ตัวจริงเลย เสียงมันชัดจนรู้สึกว่าเรากำลัง “สั่งการ” บางอย่างอย่างจริงจังเหมือนกำลังควบคุมยานอวกาศยังไงยังงั้นเลย Model M ของ IBM นอกจากจะทนมือทนไม้ ยังมีฟีลลิ่งการพิมพ์ที่โดดเด่น จนถึงทุกวันนี้ยังมีคนเล่นของสะสมรุ่นนี้กันอยู่
Photo by rtings.com


แล้วทำไมคนยังใช้ QWERTY อยู่ ทั้งๆ ที่มีแบบอื่นดีกว่า?

เอ่อ ใช่ แบบ Dvorak ที่ออกแบบให้มือไม่ต้องวิ่งไปมา พิมพ์ได้เร็วกว่า แต่มันก็เหมือนการขับรถพวงมาลัยซ้ายไปพวงมาลัยขวาอะ ถึงจะมีข้อดีก็ต้องเรียนใหม่หมด โลกก็เลยยึดติดกับ QWERTY เพราะ “มันชิน” ไปแล้ว เหมือนใครสักคนเอาเทปกาวแปะที่ประตูผิดทาง แล้วทุกคนก็เปิดจากฝั่งนั้นมาตลอดเลยอะ! แนวคิดนี้สะท้อน Gestalt Theory ด้านการรับรู้ คือมนุษย์มีแนวโน้มจะยึดติดกับรูปแบบที่คุ้นเคยและเป็นระบบง่ายๆ มันมีแบบอื่นอีกนะ เช่น Colemak หรือ Workman ที่พยายามหาความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพกับความเคยชิน แต่ก็ยังไม่ปังเท่า QWERTY
Photo by michaelcapewell.com


พอเข้าสู่ยุคมือถือ แป้นพิมพ์ก็เริ่มหายตัว…

จากของจริงกลายเป็นภาพบนหน้าจอแต่ก็ยังพยายามเลียนแบบของเดิม ทั้ง QWERTY ทั้งเสียงพิมพ์ ทั้งฟีลลิ่งสัมผัสบางแอปถึงกับมีเสียง “คลิก” เลียนแบบ mechanical เลยด้วยซ้ำ แล้วยังมีแบบใช้ลากนิ้ว พิมพ์ด้วยเสียง หรือแม้แต่ คีย์บอร์ดฉายแสง ที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟ พิมพ์บนโต๊ะเปล่าๆ ได้เลยก็มี

เป็นไงพอเข้าใจบ้างละยังว่าทำไมถึงเป็น QWERTY
Photo by beartai.com


แล้วในอนาคตล่ะคีย์บอร์ดจะยังจำเป็นอยู่มั้ย?

เราว่ามันเหมือน “จักรยาน” แหละต่อให้มีรถยนต์บินได้ เราก็ยังอยากขี่จักรยานบางวัน มันคือเครื่องมือที่ “เข้าใจง่าย ใช้งานตรงๆ ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก”
และมันคือเครื่องมือที่เราควบคุมทุกอย่างผ่านนิ้วมือ — สื่อสาร สร้างงาน เขียนฝัน

ในแง่ของการออกแบบ คีย์บอร์ดคือรูปธรรมของแนวคิด Direct Manipulation — เรากดแป้นแล้วเห็นผลทันทีตรงหน้าจอ มันคือความสัมพันธ์แบบตอบสนองทันใจ ซึ่งทำให้การพิมพ์กลายเป็น “ประสบการณ์” มากกว่าการป้อนข้อมูล แต่ก็ไม่แน่นะ อีกหน่อยอาจมี AI อ่านใจเรา พิมพ์ให้เรา โดยไม่ต้องพิมพ์เองเลยก็ได้ หรืออาจมีอินเตอร์เฟสที่ฝังไว้ในร่างกาย ให้พิมพ์ได้ด้วยการกระพริบตาเท่านั้น
Photo by eeweb.com
Photo by reddit.com
Photo by gravastar.com


ลองคิดว่าโลกที่ไม่มีคีย์บอร์ดจะสนุกแค่ไหน? หรือมันจะทำให้เราคิดน้อยลงเพราะไม่ต้อง “พิมพ์” อะไรอีก?

หรือ… การที่ต้องพิมพ์เองทุกคำ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราคิดให้ชัดก่อนพูด อาจทำให้ไอเดียมัน “ค่อยๆ ตกผลึก” ทีละตัวอักษร
เหมือนการค่อยๆ ปั้นคำด้วยมือ มากกว่าการปล่อยให้ไหลออกมาโดยไม่กลั่นกรอง


“คีย์บอร์ดนี่ไม่ใช่แค่อุปกรณ์ไว้พิมพ์ แต่มันคือที่ปล่อยของ…ตัวจริงเลย”


Phoyo by gajitz.com


แหล่งอ้างอิง

Wikipedia contributors. (n.d.). Computer keyboard. Wikipedia. Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/Computer_keyboard
Wikipedia contributors. (n.d.). QWERTY. Wikipedia. Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/QWERTY
ThoughtCo. (n.d.). The History of the Computer Keyboard. Retrieved from https://www.thoughtco.com/history-of-the-computer-keyboard-1991402
Wired. (2010, May 12). May 12, 1936: Dvorak Patents Keyboard. Retrieved from https://www.wired.com/2010/05/0512dvorak-keyboard-patent
Mishpacha Magazine. (n.d.). History of the Keyboard. Retrieved from https://mishpacha.com/history-of-the-keyboard/