จุดบรรจบระหว่างนวัตกรรมทางวิศวกรรม ศิลปะการออกแบบ และวัฒนธรรมสตรีท

photo by Nick DePaula
การออกแบบที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน ความมหัศจรรย์ที่เราไม่ทันสังเกต

ในโลกของเรานั้น ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาของอะไรบางสิ่งบางอย่างเราจึง คิด วิธีการที่จะแก้ปัญหาเพื่อมุ่งไปข้างหน้าสู่อนาคตโดย สร้าง เส้นทางในการก้าวไปข้างหน้า และต่อให้คิดและสร้างแล้ว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จหากพวกเรายังไม่ได้ “ออกแบบ” เส้นทางดังกล่าวนั้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกแบบในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบในเชิงรูปธรรม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่หมายถึงการออกแบบในเชิงโครงสร้าง ออกแบบวิธีคิด และวิธีการทำงาน ด้วยเหตุนี้ต่อให้เจอปัญหาก็สามารถใช้กระบวนการคิดและออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์

——————————————

photo by Reebok The Pump Shoes Promo Print Magazine Insert Advertisement Vintage 1990

รองเท้าบาสเก็ตบอลคือจุดบรรจบระหว่างนวัตกรรมทางวิศวกรรม ศิลปะการออกแบบ และวัฒนธรรมสตรีท ในสนาม รองเท้าที่ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถันช่วยเสริมประสิทธิภาพการเคลื่อนไหว ตั้งแต่การวิ่ง การกระโดด ไปจนถึงการเปลี่ยนทิศทางที่รวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นบ่อยในกีฬาที่ต้องปะทะและกระโดดสูง ด้วยเหตุนี้ การออกแบบรองเท้าบาสเก็ตบอลจึงต้องคำนึงถึงการรองรับแรงกระแทก การระบายอากาศ และการยึดเกาะพื้นอย่างสมดุลที่สุด เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจตลอดทั้งเกม นอกจากนั้น เมื่อออกนอกสนาม รองเท้าบาสเก็ตบอลได้กลายเป็นเครื่องบ่งบอกตัวตนและสไตล์ของผู้สวมใส่อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดจากการที่รองเท้ารุ่นต่าง ๆ ถูกนำไปแมตช์กับเสื้อผ้าแนวสตรีท กลายเป็นแฟชั่นที่ผสมผสานระหว่างความสปอร์ตและความล้ำสมัย จนเกิดเป็นค่านิยมที่ก้าวข้ามขอบเขตของกีฬามาสู่กระแสในชีวิตประจำวัน

——————————————

photo by American Legion Weekly magazine, vol. 2, no. 1 (Jan. 2, 1920), pg. 29.
จุดเริ่มต้นของรองเท้าบาสเก็ตบอลสามารถย้อนไปได้ถึงปี 1917 เมื่อ Converse เปิดตัวรองเท้ารุ่น “Non-Skids” ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันการลื่นจากพื้นสนามในยุคที่พื้นอาจจะยังไม่ได้มาตรฐานเท่าปัจจุบัน ต่อมาได้พัฒนากลายเป็น Chuck Taylor All-Stars ที่โด่งดัง ซึ่งมีชื่อมาจาก Chuck Taylor อดีตนักบาสเก็ตบอลและเซลส์แมนที่ช่วยโปรโมตและปรับปรุงคุณภาพรองเท้า จนกลายเป็นรองเท้าที่หลายคนรู้จักในฐานะ “รองเท้าผ้าใบคู่แรก” ของวงการบาสเก็ตบอลและแฟชั่น ในช่วงทศวรรษ 1970 หลายแบรนด์เริ่มเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับมาตรฐานของรองเท้าบาสฯ โดย Nike ได้เปิดตัวพื้นรองเท้า Air-Sole ในปี 1979 ซึ่งใช้ถุงอากาศอัดความดันเป็นกลไกสำคัญในการกันกระแทก ถือเป็นการปฏิวัติวงการรองเท้ากีฬาในยุคนั้นอย่างแท้จริง
photo by Carnival
ช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 จึงเป็นช่วงที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มลงแข่งในสนามเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น Adidas พัฒนาเทคโนโลยี Boost ซึ่งเป็นเม็ดโฟมช่วยคืนแรงส่ง ขณะที่ Under Armour สร้างชื่อด้วย HOVR ที่ออกแบบให้เบาและนุ่มเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการวิ่ง การกระโดด และการเคลื่อนไหวรอบด้าน
photo by Ahmed Chrediy

——————————————

รองเท้าบาสเก็ตบอลถูกออกแบบให้มีหลายประเภทตามความสูงของข้อเท้า ซึ่งตอบโจทย์สไตล์การเล่นและความต้องการที่ต่างกัน เริ่มจาก High-Top ที่โอบข้อเท้าอย่างกระชับ ช่วยลดความเสี่ยงการบิดหมุนของข้อเท้าในจังหวะปะทะหรือการกระโดดสูง เหมาะกับผู้เล่นตำแหน่งที่ต้องยืนปะทะใต้แป้นบ่อย ๆ เช่น Center หรือ Power Forward ส่วน Mid-Top จะลดความสูงของข้อเท้าลงมาเพื่อให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น แต่ยังรักษาการพยุงและความมั่นคงได้ในระดับหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเคลื่อนที่ ควบคู่กับความปลอดภัย ส่วน Low-Top นั้นเน้นความเร็วและความว่องไวเป็นหลัก น้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับผู้เล่นสาย Point Guard หรือ Shooting Guard ที่ต้องใช้ความเร็วในการเลี้ยงลูก จ่ายลูก และยิงลูกจากระยะต่าง ๆ ได้อย่างปราดเปรียว
photo by patrick zempolich

วัสดุที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสัมผัสและอายุการใช้งาน หนังแท้ (Leather) แม้จะมีน้ำหนักมากและระบายอากาศได้น้อยกว่า แต่กลับให้ความทนทานและการรองรับที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้เล่นบางกลุ่มที่ต้องการความแข็งแรง ส่วนวัสดุสังเคราะห์ หรือ Mesh จะมีน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดี ช่วยให้เท้าไม่ร้อนหรืออับชื้นระหว่างแข่งขัน แต่ในบางกรณีก็อาจมีความทนทานน้อยกว่าหนังแท้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้เทคโนโลยีของแต่ละแบรนด์ ซึ่งมีทั้งการเสริมชั้นวัสดุหลายชั้น (Layers) หรือเลือกชนิดของวัสดุสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูง
Photo by UA Basketball Designer

เทคโนโลยีกันกระแทกถือเป็นหัวใจหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้แก่ผู้เล่น Nike Air ที่ใช้ถุงอากาศอัดความดันเป็นต้นตำรับของระบบลดแรงกระแทก ขณะที่ Nike Zoom Air พัฒนาให้เน้นการตอบสนองที่ฉับไวขึ้น เหมาะกับจังหวะเคลื่อนไหวรวดเร็วและการเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน ด้าน Adidas Boost นั้นพึ่งพาเม็ดโฟมพลังงานสูง ช่วยคืนแรงส่งทุกครั้งที่เท้าแตะพื้น จึงเหมาะกับผู้เล่นที่ต้องวิ่งสลับกันตลอดเวลา Under Armour HOVR ก็ออกแบบมาเพื่อความสมดุลระหว่างความเบาและความยืดหยุ่น ทำให้เท้ารู้สึกสบายแม้ต้องใช้งานหนักในเกมแข่งขันยาว ๆ นอกจากนี้ พื้นรองเท้าก็มักมีลายดอกยาง (Tread Pattern) ที่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานบนพื้นปาร์เกต์หรือพื้นสนามซีเมนต์ ทำให้ผู้เล่นหมุนตัวหรือหยุดกะทันหันได้โดยไม่เสียการทรงตัว

——————————————

เมื่อพูดถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในวงการบาสเก็ตบอล แน่นอนว่า Nike คือผู้นำด้วย Air Jordan, LeBron, Kobe และ KD Series แต่ละรุ่นสะท้อนความเป็นซิกเนเจอร์ของนักกีฬาระดับตำนาน เช่น Michael Jordan, LeBron James, Kobe Bryant และ Kevin Durant ส่วน Adidas เองก็สร้างผลงานได้ดีในตลาดนี้ ไม่ว่าจะเป็น D Rose Series ของ Derrick Rose หรือ Harden Collection ที่เปิดตัวพร้อมฟังก์ชันตอบสนองสำหรับการยิงสามแต้มและการเคลื่อนที่หลอกคู่แข่ง Under Armour เริ่มต้นจากอุปกรณ์กีฬาสำหรับอเมริกันฟุตบอล แต่สามารถเจาะตลาดบาสเก็ตบอลได้สำเร็จด้วย Curry Series ซึ่งเน้นความเบาและความคล่องตัวของ Stephen Curry อีกทั้ง Puma และ New Balance ก็เริ่มหวนคืนสังเวียนบาสเก็ตบอล ด้วยการเปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่ ๆ ที่ร่วมมือกับนักกีฬา NBA รุ่นใหม่ และยังเป็นที่สนใจของคนรักสนีกเกอร์มากขึ้น
Photo by snkrtoday

——————————————

สำหรับการเลือกซื้อรองเท้าบาสเก็ตบอล ควรพิจารณาจากรูปเท้า น้ำหนักตัว สไตล์การเล่น และพื้นสนามที่จะใช้งาน หากต้องเล่นบาสในสนามกลางแจ้งที่มีผิวขรุขระ อาจต้องเลือกรุ่นที่พื้นรองเท้าทนทานเป็นพิเศษและยึดเกาะดี หากเป็นนักกีฬาตัวใหญ่ที่ต้องยืนปะทะใต้แป้น ควรเลือกรองเท้าทรง High-Top ที่พยุงข้อเท้าได้สูง และมีระบบกันกระแทกที่เหมาะกับน้ำหนักตัว ส่วนผู้เล่นที่เน้นความเร็วและการส่งลูกอาจมองหารองเท้า Low-Top เพื่อความคล่องตัวสูงสุด ควรลองสวมรองเท้าในช่วงเย็นเพราะเท้าจะขยายเต็มที่ และทดลองเคลื่อนไหวเพื่อทดสอบความพอดีและรองรับที่ดีของรองเท้า
photo by ANTA KAI

ด้านการดูแลรักษา ขั้นตอนพื้นฐานคือต้องทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง โดยใช้แปรงนุ่มปัดฝุ่นหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดคราบสกปรก หลีกเลี่ยงการซักในเครื่องซักผ้าเพราะแรงปั่นและน้ำหนักของรองเท้าอาจทำให้วัสดุเสียหายหรือกาวหลุด ตากรองเท้าในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทดี หลีกเลี่ยงการตากแดดจัดเพราะความร้อนอาจทำให้พื้นยางเสื่อมคุณภาพเร็วกว่าปกติ หากจำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้าที่เหมาะสมกับวัสดุนั้น ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษารูปลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ

เมื่อออกนอกสนาม รองเท้าบาสเก็ตบอลบางรุ่นได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมแฟชั่นสตรีทที่มีอิทธิพลไปทั่วโลก แบรนด์และนักออกแบบชื่อดัง เช่น Virgil Abloh (Off-White) หรือ Travis Scott เคยร่วมออกแบบคอลแลบพิเศษที่สร้างความตื่นเต้นแก่สาวกรองเท้า เป็นเหตุให้เกิดกระแสตลาดรีเซล (Resale Market) ที่ราคาขยับสูงตามความหายากของรุ่นลิมิเต็ด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักสะสมบางคนจะมองว่ารองเท้าบาสเก็ตบอลหายากเป็นงานศิลปะหรือสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งก็ว่าได้
Photo by Draymond green off white hyperdunk cheap

——————————————

ท้ายที่สุด รองเท้าบาสเก็ตบอลจึงเป็นสิ่งที่ผสมผสานระหว่างการออกแบบเชิงวิศวกรรม ศิลปะการดีไซน์ และกลิ่นอายวัฒนธรรมกีฬาเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นในสนามจริง ผู้ชื่นชอบแฟชั่นสายสตรีท หรือนักสะสมที่มองหารุ่นลิมิเต็ด รองเท้าบาสเก็ตบอลยังคงมีเสน่ห์และเรื่องราวที่น่าค้นหาเสมอ การเลือกรองเท้าที่เหมาะกับสรีระและสไตล์ของแต่ละคนไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพการเล่น แต่ยังสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนได้อย่างโดดเด่น และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทั้งในวงการกีฬาและแฟชั่นในวันข้างหน้าด้วย
Photo by Nike

——————————————

แหล่งที่มา

  1. Nike Official Website
  2. Adidas Official Website
  3. Under Armour Official Website
  4. Sneaker News & History
  5. หนังสือ “Shoe Dog” โดย Phil Knight