Evolution of Shopping Malls การเดินทางผ่านการเติบโตเชิงพื้นที่ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรม

การออกแบบที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน ความมหัศจรรย์ที่เราไม่ทันสังเกต
ในโลกของเรานั้น ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาของอะไรบางสิ่งบางอย่างเราจึง คิด วิธีการที่จะแก้ปัญหาเพื่อมุ่งไปข้างหน้าสู่อนาคตโดย สร้าง เส้นทางในการก้าวไปข้างหน้า และต่อให้คิดและสร้างแล้ว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จหากพวกเรายังไม่ได้ “ออกแบบ” เส้นทางดังกล่าวนั้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกแบบในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบในเชิงรูปธรรม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่หมายถึงการออกแบบในเชิงโครงสร้าง ออกแบบวิธีคิด และวิธีการทำงาน ด้วยเหตุนี้ต่อให้เจอปัญหาก็สามารถใช้กระบวนการคิดและออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์

——————————————

          ห้างสรรพสินค้าถือเป็นศูนย์กลางของการช้อปปิ้งและการพบปะสังสรรค์ของผู้คนในปัจจุบัน การออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้าจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดและกระตุ้นให้ลูกค้าใช้เวลาในห้างได้นานขึ้น การวางผังทางเดินไม่ได้เป็นเพียงแค่การจัดการพื้นที่ให้ผู้คนสามารถเดินไปมาได้สะดวก แต่ยังเป็นการจัดการเพื่อเพิ่มยอดขายและกระตุ้นความสนใจของผู้เข้าชมให้มากยิ่งขึ้น

          ในห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง การออกแบบทางเดินมักถูกวางผังให้มีลักษณะที่ซับซ้อนและยาวไกลเพื่อสร้างแรงจูงใจในการสำรวจสินค้า ลูกค้าที่เดินห้างมักจะต้องผ่านสินค้าต่างๆ ที่วางเรียงรายตามจุดต่างๆ ซึ่งถูกคัดเลือกและจัดวางอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า การออกแบบทางเดินยังเชื่อมโยงไปยังโซนต่างๆ ของห้างที่สามารถกระตุ้นความสนใจ เช่น ร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆ คาเฟ่ หรือโซนกิจกรรมที่น่าสนใจ
Photo by Storymaps.arcgis.com

บทความนี้จะสำรวจถึงประวัติและความเป็นมาของการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้า รวมถึงแนวคิดทฤษฎีที่ถูกนำมาใช้ในการออกแบบพื้นที่เหล่านี้ เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการที่ห้างสรรพสินค้าใช้ในการดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ยังจะครอบคลุมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในการออกแบบสมัยใหม่ของการออกแบบห้างสรรพสินค้าในยุคปัจจุบัน

——————————————

          การออกแบบทางเดินไม่เพียงเป็นการวางผังทางกายภาพเท่านั้น ยังเป็นการออกแบบประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างรอบคอบ ห้างสรรพสินค้ามีการใช้ทฤษฎีจิตวิทยาเพื่อทำให้ลูกค้าใช้เวลาในห้างนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินผ่านพื้นที่ต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและความพึงพอใจของลูกค้าในการเยี่ยมชม แนวทางการออกแบบเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และทำให้พวกเขารู้สึกว่าการใช้เวลาที่ห้างสรรพสินค้านั้นเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การจัดแสง เสียง สี และการออกแบบบรรยากาศ เพื่อดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าอยากอยู่ในพื้นที่ได้นานขึ้น การวางจุดพักผ่อน โซนอาหาร และร้านค้าหลากหลายประเภทล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า หากคุณเคยสงสัยว่าเหตุใดการเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าจึงทำให้รู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปสำรวจสินค้าต่างๆ หรือรู้สึกอยากใช้เวลาอยู่ในพื้นที่นั้นๆ นานกว่าที่คาดคิด นั่นเป็นเพราะการออกแบบที่มีการวางแผนมาอย่างดี การใช้ทฤษฎีเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยาการซื้อ และการจัดการสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ ทำให้ห้างสรรพสินค้าสามารถสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการช้อปปิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนต่อไปนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับประวัติและความเป็นมาของการออกแบบทางเดินห้างสรรพสินค้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่เกิดขึ้นตามยุคสมัยต่างๆ เพื่อให้เห็นถึงวิวัฒนาการและความสำคัญของการออกแบบพื้นที่สาธารณะแบบนี้

——————————————

ประวัติและความเป็นมาของการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้า

            การออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้ามีประวัติที่ยาวนานและซับซ้อน ตั้งแต่การเปิดตัวของห้างสรรพสินค้าแบบดั้งเดิมที่เป็นสถานที่ค้าขายเล็กๆ ไปจนถึงการเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยซึ่งมีการจัดการและออกแบบอย่างรอบคอบ แนวคิดการออกแบบทางเดินห้างสรรพสินค้านั้นเริ่มต้นในศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจในการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งมากยิ่งขึ้น
Photo by Sajo.com

         Victor Gruen ซึ่งเป็นสถาปนิกที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างและพัฒนาห้างสรรพสินค้าในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นผู้ที่นำแนวคิดการออกแบบทางเดินมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดและทำให้ผู้คนอยากใช้เวลาในห้างนานขึ้น โดยการวางแผนพื้นที่อย่างรอบคอบเพื่อทำให้เส้นทางการเดินของลูกค้าเป็นไปอย่างลื่นไหลและสนุกสนาน เขามุ่งเน้นให้ห้างมีความรู้สึกเหมือนเมืองขนาดย่อม ซึ่งรวมถึงการจัดวางทางเดินที่ช่วยให้ผู้คนได้สำรวจสินค้าและบริการต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

            Gruen เริ่มต้นการออกแบบห้างสรรพสินค้าโดยนำแนวคิดจากเมืองที่มีการวางผังที่ดี เช่น เวียนนา และปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในอเมริกา สร้างสภาพแวดล้อมที่รวมเอาร้านค้า บริการ และพื้นที่สาธารณะไว้ด้วยกัน เช่น การสร้างสวนภายในห้าง โซนสำหรับพักผ่อน และพื้นที่สำหรับการแสดงศิลปะ ทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอย่างลงตัวเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชม
Photo by Gettyimages.com          
            ในช่วงทศวรรษ 1950s Gruen ได้สร้างห้างสรรพสินค้าแบบเปิดโล่งที่ชื่อว่า Northland Center ที่เมือง Southfield รัฐมิชิแกน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งแรกของสหรัฐอเมริกา และต่อมาได้พัฒนาเป็นห้างสรรพสินค้าแบบปิดที่มีการควบคุมสภาพอากาศที่ชื่อว่า Southdale Center เป็นห้างสรรพสินค้าแบบปิดแห่งแรกของโลก Southdale Center เปิดให้บริการในปี 1956 และได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากการออกแบบที่สามารถสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่างจากที่อื่นๆ การออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้าเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 เนื่องจากการเติบโตของชานเมืองและการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตผู้คน ห้างสรรพสินค้าถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชานเมืองสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกสบาย Victor Gruen มุ่งมั่นที่จะสร้างพื้นที่ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและสามารถใช้เวลาได้โดยไม่รู้สึกถึงความเร่งรีบของเมืองใหญ่ ซึ่งให้ความสำคัญกับพื้นที่สำหรับคนเดินเท้าและการสร้างพื้นที่ส่วนกลางสำหรับคนในชุมชน ซึ่ง Gruen มองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความสุขและเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม แม้ Gruen จะประสบความสำเร็จในการออกแบบห้างสรรพสินค้า แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากห้างสรรพสินค้าในอเมริกากลายเป็นสถานที่ที่มีการใช้รถยนต์อย่างหนาแน่นและไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อคนเดินเท้าได้ตามที่เขาตั้งใจ

            วิวัฒนาการของการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้าไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การจัดวางพื้นที่ให้เหมาะสม แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเสริมเพื่อให้การออกแบบมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การใช้ระบบแสงสว่างที่เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา การใช้เทคโนโลยี AR (Augmented Reality) เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า หรือการใช้เสียงเพลงและกลิ่นหอมเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดึงดูดและทำให้ลูกค้าอยากอยู่ในห้างได้นานขึ้น ประวัติและความเป็นมาของการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้าสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในแต่ละยุคสมัย การออกแบบที่ดีไม่เพียงแค่ทำให้การช้อปปิ้งเป็นเรื่องง่ายและสะดวก แต่ยังทำให้ห้างสรรพสินค้ากลายเป็นพื้นที่ที่คนอยากมาใช้เวลา พบปะสังสรรค์ และผ่อนคลาย มากขึ้นอีกด้วย การออกแบบเส้นทางเดินที่สามารถกระตุ้นความสนใจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าจึงเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบห้างสรรพสินค้าในยุคปัจจุบัน

——————————————

แนวคิดทฤษฎีในการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้า

1. การนำเสนอทฤษฎี Wayfinding (การกำหนดเส้นทาง) และ Circulation (การหมุนเวียน)
Wayfinding และการออกแบบระบบทางเดินเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบห้างสรรพสินค้า เนื่องจากช่วยให้ลูกค้าสามารถหาทางไปยังร้านค้าต่าง ๆ ได้โดยง่าย การออกแบบทางเดินที่ดีช่วยลดความสับสนและทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจในการเดินภายในห้าง ซึ่งมีผลบวกต่อประสบการณ์ช้อปปิ้งและช่วยเพิ่มยอดขายให้กับห้างสรรพสินค้า แนวคิด Wayfinding ประกอบไปด้วยการใช้งานหลักการต่าง ๆ เช่น การใช้จุดสังเกต (landmarks) การสร้างเส้นทางที่ชัดเจน และการใช้ป้ายบอกทางอย่างเป็นระบบ (Paula & Firmino, 2024)

การไหลเวียนหรือ Circulation ในการออกแบบพื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้ามุ่งเน้นให้การเคลื่อนไหวของผู้คนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการวางแผนพื้นที่ทางเดิน บันไดเลื่อน และลิฟต์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก การจัดการไหลเวียนที่ดีจะช่วยให้ผู้คนสามารถเดินไปในทิศทางที่ต้องการได้โดยไม่รู้สึกสับสน และยังช่วยลดปัญหาการแออัดในช่วงเวลาที่มีผู้คนมาก (Onuorah et al., n.d.)​

2. ทฤษฎีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมและประสบการณ์ผู้บริโภค
การออกแบบทางสถาปัตยกรรมของห้างสรรพสินค้ามีผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้บริโภค การวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบห้างสรรพสินค้าในประเทศจีนได้ระบุถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้บริโภค ซึ่งประกอบด้วยสี่มิติ ได้แก่ บรรยากาศเชิงภาพ (visual atmosphere) ความสะดวกสบายทางกายภาพ (physical environment comfort) โครงสร้างพื้นที่ (space structure) และการวางแผนธุรกิจ (business planning) โดยโครงสร้างพื้นที่และการวางแผนธุรกิจเป็นปัจจัยที่มีผลมากที่สุดต่อประสบการณ์ของผู้บริโภค (Yuan et al., 2021)​

การจัดวางและการใช้สี แสง และวัสดุที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายหรือกระตุ้นความรู้สึกที่ต้องการ การออกแบบที่ดีจะต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจ

3. ทฤษฎีจิตวิทยาการช้อปปิ้งและผลต่อการออกแบบ
ทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิทยาการช้อปปิ้ง เช่น Gruen Transfer ได้แสดงให้เห็นว่าการจัดวางและการออกแบบพื้นที่ภายในห้างสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าที่เดินเข้ามาโดยไม่มีเป้าหมายการซื้อสินค้าชัดเจน กลายมาเป็นการซื้อสินค้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ แนวทางนี้เกี่ยวข้องกับการออกแบบทางเดินที่ซับซ้อนเล็กน้อยและการสร้างพื้นที่ที่น่าดึงดูดใจเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าใช้เวลามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใช้แสง เสียง และกลิ่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่กระตุ้นความต้องการซื้อสินค้า

——————————————

เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในการออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้า

 

          การออกแบบทางเดินและพื้นที่ภายในห้างสรรพสินค้าไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การจัดวางพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเดินของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ การใช้เทคโนโลยีในการออกแบบห้างสรรพสินค้าทำให้พื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงเป็นแค่สถานที่ค้าขาย แต่ยังเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงกับความสนุกสนานและความสะดวกสบายในหลาย ๆ ด้าน

  1. การใช้ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ (Smart Lighting Systems)
    แสงสว่างที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่ดีในห้างสรรพสินค้า การใช้ระบบแสงสว่างอัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาของวันหรือตามจำนวนลูกค้าที่เข้ามาในห้างสามารถช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมและทำให้ลูกค้ารู้สึกสบาย การปรับเปลี่ยนแสงที่สว่างขึ้นเมื่อมีผู้คนมาก หรือการลดแสงในบางโซนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีแสงสว่างในการออกแบบห้างสรรพสินค้า
    Photo by Instalighting.de
  2. เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR)
    การใช้เทคโนโลยี AR และ VR ในการออกแบบห้างสรรพสินค้าช่วยให้ลูกค้าสามารถสำรวจสินค้าหรือพื้นที่ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องสัมผัสหรือเดินเข้าไปในพื้นที่นั้นโดยตรง เทคโนโลยี AR ช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าได้ทันทีเมื่อใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์เฉพาะ การใช้ VR ในการออกแบบพื้นที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์แบบเสมือนจริง เช่น การทดลองใช้งานเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของตนเอง หรือการสำรวจสินค้าที่มีขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า
    Photo by Unitear.com
  3. ระบบนำทางอัจฉริยะ (Indoor Navigation Systems)
    ระบบนำทางภายในอาคารเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถหาทางไปยังร้านค้าหรือโซนต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย การใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อแสดงแผนที่และนำทางภายในห้างสรรพสินค้าช่วยลดความสับสนและทำให้ลูกค้าสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ ระบบนำทางอัจฉริยะยังสามารถแนะนำเส้นทางที่เร็วที่สุดหรือแสดงข้อมูลเกี่ยวกับโปรโมชั่นของร้านค้าต่าง ๆ ที่ลูกค้าอาจสนใจได้ด้วย
    Photo by ariadne.inc
  4. การใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
    ข้อมูลขนาดใหญ่มีบทบาทสำคัญในการออกแบบและจัดการพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการเดินของลูกค้า เช่น เส้นทางที่ลูกค้ามักเลือกเดิน เวลาที่ใช้ในแต่ละโซน และสินค้าที่สนใจ สามารถช่วยให้ผู้จัดการห้างสามารถวางแผนและปรับปรุงการจัดวางสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ยังช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มและพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคตได้อีกด้วย
    Photo by Beonic.com

  5. การใช้เสียงและกลิ่นในการสร้างบรรยากาศ (Scent and Sound Design)
    เสียงและกลิ่นเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างบรรยากาศที่ดึงดูดใจลูกค้า การใช้เสียงเพลงที่มีจังหวะและความดังที่เหมาะสมในแต่ละโซนช่วยสร้างอารมณ์ที่ตรงกับประเภทของสินค้า เช่น การใช้เพลงที่ผ่อนคลายในโซนเสื้อผ้าหรือเพลงที่มีจังหวะเร็วในโซนกีฬา ในขณะที่การใช้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เช่น กลิ่นวานิลลาหรือกลิ่นดอกไม้ในโซนเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ

——————————————

การออกแบบทางเดินในห้างสรรพสินค้าคือการผสมผสานระหว่างการจัดวางพื้นที่และการสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดลูกค้าอย่างรอบคอบ ทั้งการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบแสงสว่างอัจฉริยะ เทคโนโลยี AR/VR และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รวมถึงการใช้เทคนิคจิตวิทยาในการสร้างบรรยากาศที่น่าพึงพอใจ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ห้างสรรพสินค้ากลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนให้ใช้เวลาและมีความสุขกับการสำรวจสินค้าและบริการต่างๆ การออกแบบทางเดินที่ดีจึงไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างความประทับใจและประสบการณ์ที่ยากจะลืมให้กับลูกค้าอีกด้วย

เป็นยังไงกันบ้างครับ พอจะเข้าใจเรื่องราวของการออกแบบโครงสร้างคร่าวๆ ของห้างสรรพสินค้ากันบ้างมั้ยครับ ยังมีเนื้อหาอีกหลายๆ อย่างที่ยังไม่ถูกพูดถึง ไว้มาติดตามกันใหม่ในตอนต่อไปนะครับ

——————————————

แหล่งอ้างอิง

  • https://ideas.ted.com/the-strange-surprisingly-radical-roots-of-the-shopping-mall
  • https://sajo.com/insights/victor-gruen-the-father-of-the-american-shopping-mall
  • https://storymaps.arcgis.com/stories/6273050eca55483ca6cdafb6dbbde01a
  • https://www.worldfinance.com/markets/the-rise-and-fall-of-the-us-mall
  • https://ijrpr.com/uploads/V5ISSUE8/IJRPR32413.pdf
  • https://www.emerald.com/insight/content/doi/10.1108/APJML-06-2020-0408/full/html
  • https://ijrpr.com/