ยานยนต์ข้ามกาลเวลาของฝ่ายอักษะในยุคสงครามโลกสู่นวัตกรรมดีไซต์ล้ำสมัย

ในโลกของเรานั้น ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาของอะไรบางสิ่งบางอย่าง
เราจึง คิด วิธีการที่จะแก้ปัญหาเพื่อมุ่งไปข้างหน้าสู่อนาคตโดย สร้าง เส้นทางในการก้าวไปข้างหน้า และต่อให้คิดและสร้างแล้ว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จหากพวกเรายังไม่ได้ “ออกแบบ” เส้นทางดังกล่าวนั้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกแบบในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบในเชิงรูปธรรม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่หมายถึงการออกแบบในเชิงโครงสร้าง ออกแบบวิธีคิด และวิธีการทำงาน ด้วยเหตุนี้ต่อให้เจอปัญหาก็สามารถใช้กระบวนการคิดและออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์

อะไรเอย รูปทรงกลมกลึงคล้ายคลึงกับแมลงเต่าทับ ให้ความรู้สึกน่ารักและเป็นกันเอง ?

ทราบคำตอบกันมั้ยครับ
วันนี้ Unexpected Design เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ
Beetle ยานยนต์ข้ามกาลเวลาของฝ่ายอักษะในยุคสงครามโลก


“Volkswagen”  (ฟ็อลคส์วาเกิน) ชื่อนี้มีที่มาจากภาษาเยอรมันที่แปลตรงตัวได้ว่า “รถยนต์ของประชาชน” (People’s Car)

โดยมีรากศัพท์มาจาก

  • Volk แปลว่า “ประชาชน” หรือ “คนธรรมดา”
  • Wagen แปลว่า “รถยนต์”

ชื่อนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ผู้ก่อตั้ง Adolf Hitler (อดอล์ฟ ฮิตเลอร์) นายกรัฐมนตรีเยอรมันในขณะนั้น ต้องการให้บริษัทผลิตรถยนต์ราคาประหยัดขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้

จุดเริ่มต้นของโครงการผลิต “Volkswagen” เกิดขึ้นในปี 1934 หลังจากเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวเยอรมันตกอยู่สภาพยากจนเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับชาติยุโรปอื่นๆเนื่องจากอยู่ในสภาพผู้แพ้สงคราม ฮิตเลอร์จึงมอบหมายให้ เฟอร์ดินานด์ พอร์ชเช่ นักออกแบบรถยนต์ระดับตำนานชาวเยอรมัน เป็นผู้ออกแบบรุ่นต้นแบบของ “รถยนต์ราคาประหยัดสำหรับประชาชน” พรรคนาซีมองการณ์ไกลว่าการที่ชนชาติเยอรมันจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกได้ ชาวเยอรมันจะต้องมี “รถยนต์”

www.rarehistoricalphotos.com

เป้าหมายคือต้องราคาไม่เกิน 1,000 ไรช์มาร์ก หรือประมาณ 7 ดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น (ราคาที่เท่ากับค่าแรงงานของคนงาน 6 เดือน) โดยรถจะต้องบรรทุกได้ 4 คน มีความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม.และใช้น้ำมันเบนซิน 7 ลิตรต่อระยะทาง 100 กม.

“พอร์ชเช่เบียตเล้” หรือ Beetle จึงกลายเป็นรถยนต์ต้นแบบที่ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นมาภายใต้แนวคิด “Volkswagen” เพื่อเป็นรถราคาประหยัด ใช้งานง่าย สำหรับประชาชนชาวเยอรมัน ตามวิสัยทัศน์ของฮิตเลอร์นั่นเอง

แนวคิดในการออกแบบ Volkswagen Beetle นั้นต้องประหยัดและเข้าถึงได้ง่าย (Economical and Accessible) เฟอร์ดินานด์ พอร์ชเช่ ออกแบบ Beetle ด้วยแนวคิดที่จะผลิตเป็นรถราคาประหยัด จึงต้องใช้วัสดุประหยัด และกระบวนการผลิตที่ไม่สลับซับซ้อน ทนทานและใช้งานง่าย (Durable and User-friendly) พอร์ชเช่ตั้งใจออกแบบให้ Beetle เป็นรถที่แข็งแรง ทนทาน สามารถแล่นได้บนถนนขรุขระ เนื่องจากเป็นรถสำหรับประชาชน จึงต้องดูแลรักษาง่าย ซ่อมแซมไม่ยุ่งยาก ด้วยฟอร์มรูปทรงเรขาคณิตและหน้าตาน่ารัก (Geometric Form and Cute Look)
รูปทรงเรขาคณิตคล้ายรูปไข่หรือทรงกลมกลึงของ Beetle นั้น นอกจากจะทำให้ดูน่ารักและเป็นกันเองแล้ว ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถได้อีกด้วย เนื่องจากไม่มีมุมเหลี่ยมคมที่จะทำให้เสียพื้นที่และยังประหยัดเชื้อเพลิง (Fuel Efficiency) รูปร่างทรงกลมกลึงและมีน้ำหนักเบาช่วยให้ Beetle มีประสิทธิภาพเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงดีกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในสมัยนั้น เป็นดีไซน์อนุรักษ์นิยม (Conservative Design) พอร์ชเช่เลือกออกแบบ Beetle ในสไตล์ที่ค่อนข้างเรียบง่าย เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ล้าสมัยง่าย

แนวคิดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า Beetle ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนธรรมดาทั่วไป ให้มีรถราคาไม่แพง ขับขี่สะดวก ดูแลรักษาง่าย ประหยัดพลังงานในยุคสงครามโลกที่ 2 และยังคงเอกลักษณ์โดดเด่นจนถึงทุกวันนี้

ฮิตเลอร์มอบทุนและงบประมาณก้อนยักษ์ใหญ่ให้กับพอร์ชเช่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผลงานของพอร์ชเช่นั้นก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของพลพรรคนาซีทั้งปวง ทั้งดีไซน์ที่สวยงามดังที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน และด้วยระบบการระบายความร้อนโดยอากาศ ทำให้รถมีค่าซ่อมบำรุงรักษาที่ต่ำมาก

ใครที่ขับมี Beetle อยู่ในครอบครอง ก็ดีใจได้ว่าออกแบบโดยพอร์ชเช่ในยุคแรกๆเชียวนะครับ

โรงงานโฟล์คแห่งแรกกำเนิดขึ้นที่เมืองวูล์ฟเบิร์ก แต่ยังไม่ทันจะผลิตรถออกมาให้ชาวเยอรมันได้ใช้ สงครามโลกครั้งที่สองก็อุบัติขึ้นเสียก่อน โปรเจคท์รถโฟล์คสำหรับประชาชนเยอรมันจึงหยุดชะงักไปเสียเฉยๆ แต่ยังดีที่ฮิตเลอร์ก็ยังทันได้นั่งรถรุ่นแรกๆ ที่เป็นรุ่นเปิดประทุน

จนกระทั่งเมื่อเยอรมันของฮิตเลอร์พ่ายแพ้สงคราม ชาติผู้ชนะสงครามทั้งอเมริกา อังกฤษ รัสเซียและอื่นๆ ก็ต่างเข้ามาแย่งชิงเทคโนโลยีและจับเอานักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกะทิของเยอรมันเอาไปเป็นสมบัติของตัวเอง เพราะทั้งโลกรู้ดีว่าเทคโนโลยีต่างๆ ของเยอรมันนั้นก้าวไปไกลกว่าชาติใดในโลก โดยเฉพาะในเรื่องวิศวกรรม

“อังกฤษ” ก็มาหยิบเอาพิมพ์เขียวของ Beetle นี้ตั้งใจจะเอาไปผลิตเอง แต่ก็ประสบปัญหาว่าไม่มีบริษัทรถยนต์อังกฤษเจ้าใดอยากจะผลิตให้ โดยอ้างว่าเป็นรถคุณภาพต่ำและไม่ดึงดูดลูกค้าทั่วไปอย่างแน่นอน

คำที่อังกฤษเขาใช้วิจารณ์คือ “The vehicle does not meet the fundamental technical requirement of a motor-car. It is quite unattractive to the average buyer.”

อังกฤษจึงส่งคืนกลับมาให้เยอรมันตามเดิม และเยอรมันก็เริ่มผลิตทันทีที่โรงงานแห่งแรกที่สร้างเอาไว้เมื่อก่อนสงคราม บรรดาช่างยนต์ช่างกลชาวเยอรมันถูกระดมมาเพื่ออุตสาหกรรมใหม่
และนั่นคือจุดที่งานฝีมือของช่างเยอรมันได้พิสูจน์ให้โลกเห็นว่าคุณภาพเหนือผู้ใด คำว่า German engineering และ Made in Germany ได้ปรากฏออกมาให้เห็นในคุณภาพของรถ Beetle คันนี้

10 ปีหลังจากเยอรมันแพ้สงคราม Beetle ถูกส่งออกไปขายทั่วโลกมากกว่าที่ผลิตใช้ในประเทศ ซึ่งลูกค้าหลักก็คือชาวอเมริกันนั่นเอง Beetle เป็นสินค้าหลักชิ้นสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจเยอรมันฟื้นตัวอย่างรวดเร็วถ้านับจนถึงปัจจุบันแล้ว Beetle ขายได้ทั้งหมดถึง 23 ล้านคัน เรียกว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นที่ผลิตมากที่สุดในโลกก็ว่าได้

นอกจากรถฟ็อลคส์วาเกินแล้ว เยอรมันก็เรียนรู้เทคโนโลยียานยนต์มากมายจากสงครามโลก รถยนต์ยี่ห้อดังๆเช่น พอร์ชเช่, ออดี้, โฟล์ค, เมอร์เซดีส, BMW หรือ เดมเลอร์ ก็เป็นฝีมือชาวเยอรมันทั้งนั้น

ก่อนจะจบเรื่องนี้ ขอเล่าแทรกสักนิดหนึ่งว่า เยอรมันยุคก่อนอุตสาหกรรมนั้นเขามีชื่อเสียงในเรื่องฝีมือช่างโลหะมาแต่ดั้งเดิมแล้วครับ ซึ่งระบบที่เขาใช้ควบคุมก็คือเป็นระบบสมาคมช่าง (Guild) ซึ่งเข้มงวดและคัดเลือกคนอย่างเข้มข้นเพื่อให้เข้ามาเรียนรู้การเป็นช่างฝีมือในแขนงต่างๆ ทั้งช่างทอง ช่างเงิน ช่างเหล็ก ช่างเพชร ช่างนาฬิกา ฯลฯ ช่างแต่ละสาขาเขาก็จะมีสมาคมเป็นของตนเอง ซึ่งแหล่งรวมสมาคมเหล่านี้ก็อยู่ที่เมืองนูเรมเบิร์กและแคว้นบาวาเรีย ช่างหนึ่งคนจะต้องฝึกหัดทำงานกับอาจารย์ (Master) ของตนเองอยู่หลายปีก่อนที่จะถูกทดสอบฝีมือเพื่อเลื่อนฐานะขึ้นมาเป็น Master ด้วยตัวเอง

ตัวอย่างเช่น การจะเป็น Master ของช่างทองได้ จะต้องสร้างผลงานขึ้นมาสามชิ้น คือ ตราอาร์มทองคำ, ชุดแหวนทองคำฝังเพชร และถ้วยทรงสูงทองคำสลักลวดลาย และผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากอาจารย์ของตนเองก่อนที่จะปล่อยออกมาทำงานเดี่ยวได้เป็นระบบควบคุมคุณภาพ German Metal Craftman ที่มีมายาวนาน ระบบนี้ทำให้เยอรมันนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพของชิ้นงานที่แม่นยำและเที่ยงตรง และเชื่อมั้ยครับว่านาฬิกานกกุ๊กกู้ ที่มีนกพุ่งออกมาบอกเวลาชั่วโมงนั้น เป็นผลงานการคิดค้นของช่างนาฬิกาเยอรมันครับ ไม่ใช่ชาวสวิสแต่อย่างใด

ก่อนจะจบเรื่องนี้ขอสรุปว่า….ถ้าจะหาคำพูดใดที่บ่งบอกถึงชนชาติเยอรมันได้ดีที่สุด ให้ไปดูที่สโลแกนสองข้อของรถยนต์ออดี้ (Audi) ครับ คือ “Vorsprung durch Technik” (Progress through Technology) “ก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยี”
และ “Truth is Engineering” คือ “วิศวกรรมคือสิ่งที่จริงแท้”

เอ่า พูดเรื่องรถ จบเรื่องวิศวกรรมเฉย แต่มันก็คือสิ่งเดียวกันเรื่องเดียวกัน ที่ถูกออกแบบ เพื่อรับใช้ปัญหาของมนุษยชาติเราๆ นี่แหละครับ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า ขอบคุณครับ

ข้อมูลที่กล่าวมาจากแหล่งต่างๆ ดังนี้

  1. เว็บไซต์ Volkswagen https://www.volkswagen.co.uk/about-us/history
  2. วิกิพีเดีย บทความเรื่อง Volkswagen Beetle https://en.wikipedia.org/wiki/Volkswagen_Beetle
  3. วิกิพีเดีย บทความเรื่อง Volkswagen https://en.wikipedia.org/wiki/Volkswagen
  4. บทความ “The People’s Car: A Global History of the Volkswagen Beetle” โดย Bernhard Rieger https://www.hup.harvard.edu/catalog.php?isbn=9780674050914
  5. บทความ “Volkswagen: The Incredible History” จาก Car Magazine https://www.carmagazine.co.uk/features/car-culture/volkswagen-the-incredible-history
  6. บทความ “The Origins of Volkswagen: Beetle Birth and History” จาก Car Gurus https://www.cargurus.com/Cars/Articles/the-origins-of-volkswagen-beetle-birth-and-history
  7. หนังสือ “Small Wonder: The Amazing Story of the Volkswagen” โดย Walter Henry Nelson

ได้รวบรวมข้อมูลจากทั้งเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Volkswagen เว็บไซต์อ้างอิงทั่วไปอย่าง Wikipedia บทความวิชาการ และบทความจากนิตยสารยานยนต์ เพื่อให้ได้มุมมองที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ