“เก๊กฮวย” ปลูกง่าย เก็บได้นาน แปรรูปเพิ่มมูลค่าสูง กิโลกรัมละ 1,500 บาท

ชื่อบทความเรื่อง : “เก๊กฮวย” ปลูกง่าย เก็บได้นาน แปรรูปเพิ่มมูลค่าสูง กิโลกรัมละ 1,500 บาท

ผู้เขียน  : ธาวิดา ศิริสัมพันธ์

ชื่อวารสาร : เทคโนโลยีชาวบ้าน  ปีที่ 34 ฉบับที่ 771

บรรณานุกรม :
ธาวิดา ศิริสัมพันธ์. (2565). “เก๊กฮวย” ปลูกง่าย เก็บได้นาน แปรรูปเพิ่มมูลค่าสูงกิโลกรัมละ 1,500 บาท. เทคโนโลยีชาวบ้าน, 34(771), 78-81.

              ปัจจุบันการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าถือเป็นทางเลือกและทางรอดที่ดีสำหรับเกษตรกรอีกทางหนึ่ง เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาในเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำบ้าง หรือเกิดปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดบ้าง ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่หาย แต่ถ้าหากเกษตรกรเจ้าของสวนลองเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการหาตลาดขายปลีกเองบ้าง หรือเริ่มต้นแปรรูปจากผลิตภัณฑ์ในสวนก่อนก็คงจะดีไม่น้อย หรือถ้าสวนไหนไม่มีปัญหาแต่อยากเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ

              คุณรสสุคนธ์ สุวรรณเพชรหรือพี่พลอย อําเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร อดีตเซลส์ขายอุปกรณ์การเกษตร กลับบ้านเกิดผันตัวสู่ชีวิตเกษตรกรเต็มขั้น ปลูกพืชผสมผสานพร้อมกับงานแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตช่วยสร้างรายได้หลักในปัจจุบัน พี่พลอยเล่าจุดเริ่มต้นการเป็นเกษตรกรให้ฟังว่า เมื่อก่อนตนเองทำงานเป็นเซลขายวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรทำมานานเป็นสิบปี จนถึงจุดที่อยากกลับบ้านมาดูแลพ่อแม่ ซึ่งการกลับบ้านครั้งนี้ถือเป็นโอกาสกลับมาพัฒนานำความรู้ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับอาชีพของพ่อแม่คืออาชีพเกษตรกรรม ด้วยการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จนเกิดเป็นการพัฒนาต่อยอดจากสวนเกษตรธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ ปลูกพืชผสมผสาน ปลูกข้าว ขุดบ่อทำโคก หนอง นา โมเดล เลี้ยงปลา ทำปศุสัตว์ พร้อมกับการแปรรูปที่เป็นผลิตภัณฑ์เด่น “ชาสมุนไพร” ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเดือนได้ไม่น้อย โดยจุดเริ่มต้นของการแปรรูปทำชาสมุนไพร เกิดจากการมองเห็นปัญหาของที่บ้านเพราะปัญหาหลักของเกษตรกรส่วนใหญ่คือสินค้าเกษตรมีน้ำหนักเยอะถ้าหากจะขายในวงกว้าง การขนส่งถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกที่จะแปรรูปสินค้าเพื่อให้น้ำหนักเบาลง สะดวกในการขนส่ง และเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าด้วย

              เก๊กฮวย หญ้าหวาน กุหลาบมอญ ผลิตภัณฑ์แปรรูปเด่น สร้างรายได้หลัก ปัจจุบันที่สวนเปิดเป็นศูนย์แหล่งเรียนรู้การเกษตร เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทุกคนเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ตลอด ซึ่งนอกจากเปิดศูนย์การเรียนรู้แล้ว รายได้หลักของที่สวนจะมาจากการแปรรูปพืชสมุนไพรอบแห้งทำเป็นชา โดยจะมีผลิตภัณฑ์แปรรูปหลักๆ คือ 1.ชาสมุนไพรจากดอกเก๊กฮวย 2.ชาสมุนไพรจากหญ้าหวาน และ 3.ชาสมุนไพรจากดอกกุหลาบ ซึ่งก็ตรงกับโจทย์ที่ได้ตั้งไว้ว่าต้องการให้สินค้าเกษตรมีน้ำหนักเบา สะดวกในการจัดส่ง และเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยกระบวนการเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่ปลูกที่มีไม่มาก แบ่งปลูกเก๊กฮวยไว้จำนวน 2 งาน หญ้าหวาน จำนวน 1 งาน และกุหลาบ จำนวน 100 ต้น โดยเลือกปลูกเป็นกุหลาบมอญ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับการนำมาแปรรูปทำชามากที่สุด ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และสีสันที่สวยชวนกิน 

              ขั้นตอนการปลูกพืชสมุนไพรทำชา การปลูกพืชสมุนไพรเพื่อนำมาแปรรูปทำชานั้นมีขั้นตอนความยากง่ายและวิธีการที่แตกต่างกัน โดยที่สวนจะเน้นปลูกแบบอินทรีย์ทั้งหมด ดังนั้น การดูแลโรคและแมลงศัตรูพืชถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ข้อดีของการปลูกพืชทั้ง 3 ชนิด คือ เก๊กฮวย หญ้าหวาน และกุหลาบมอญ จะมีข้อดีที่เหมือนกันคือปลูกครั้งเดียวสามารถเก็บเกี่ยวได้นาน แต่จะมีขั้นตอนการลงทุนเพิ่มขึ้นมา ทั้งแรงงาน ขั้นตอนการแปรรูป และการหาแพ็กเกจจิ้ง แต่หากทำได้สำเร็จบอกได้เลยว่าคุ้มกับการลงทุนแน่นอน

             ขั้นตอนการแปรรูปอบแห้ง-ทำชาสมุนไพร

        1.เริ่มจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตคุณภาพ ถ้าเป็นดอกเก๊กฮวยจะเลือกเก็บเฉพาะดอกที่บานเต็มที่

        2.หลังจากเก็บดอกไม้ที่ต้องการมาแล้ว ให้นำมาล้างทำความสะอาด

        3.การอบ เป็นการนำไปอบในพาราโบลาโดม ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการอบ ดอกเก๊กฮวยใช้เวลาอบ 2 แดด หรือใช้เวลาอบประมาณ 2 วัน วันละ 6-8 ชั่วโมง ส่วนดอกกุหลาบ อบ 2 แดด เช่นเดียวกับดอกเก๊กฮวย และสุดท้ายหญ้าหวาน อบแดดเดียวหรือประมาณ 6-8 ชั่วโมง

        4.บรรจุใส่หีบห่อ หลังจากอบเสร็จนำมาบรรจุใส่แพ็กเกจจิงที่เตรียมไว้ ทั้งขนาดบรรจุเป็นกิโลกรัม และบรรจุแบบขายปลีก

               

      การเพิ่มมูลค่า จากราคาผลผลิตดอกเก๊กฮวยสดที่รับซื้อจากลูกสวนในราคากิโลกรัมละ 50 บาท เมื่อนำมาแปรรูปสามารถสร้างมูลค่าได้หลายเท่าตัว โดยสัดส่วนดอกเก๊กฮวยสด 3.5 กิโลกรัม จะได้เก๊กฮวยอบแห้ง 1 กิโลกรัม ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท หญ้าหวาน 3.2 กิโลกรัม จะได้หญ้าหวานอบแห้ง 1 กิโลกรัม ขายในราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท กุหลาบปริมาณเท่ากับเก๊กฮวยคือ 3.5 กิโลกรัม ได้กุหลาบอบแห้ง 1 กิโลกรัม ผลผลิตยังมีขายไม่มาก

               จุดเด่นที่มีไม่เหมือนใคร อันดับแรกคือรูปลักษณ์ภายนอกด้วยสีของดอกเก๊กฮวยจะสีเหลืองสวยต่างจากท้องตลาดทั่วไป สีจะไม่เหมือนของจีน และไม่เหมือนของทางภาคเหนือ ถัดมาคือกลิ่นกลิ่นที่แตกต่าง เมื่อเปิดถุงออกมาจะได้กลิ่นของดอกเก๊กฮวยที่ให้ความหอมคล้ายกับน้ำผึ้ง พร้อมกับรสชาติหวานผสมกับเผ็ดนิดๆ หากนำมาผสมกับหญ้าหวานจะเพิ่มความละมุนเพิ่มขึ้นไปอีก และดอกกุหลาบ เมื่อเปิดถุงออกมาจะได้กลิ่นของกุหลาบก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อนำมาชงสีของกลีบกุหลาบเมื่อโดนน้ำร้อนสีจะละลายไปพร้อมกับน้ำร้อน จะเหลือเป็นดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ จนลูกค้าที่เคยซื้อไปถามว่าที่สวนนำดอกกุหลาบไปชุบสีหรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีการชุบสีใดๆ เป็นสีที่ได้จากธรรมชาติ พร้อมกับการได้ดื่มด่ำรสชาติที่หอมละมุนและสีสันที่สวยงาม ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 086-464-2579 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : มาฆะฟาร์ม makafarm

ขอบคุณรูปภาพ : https://www.facebook.com/MakaFarmYasothon

สนใจขอบทความฉบับเต็มได้ที่ : http://opac.library.mju.ac.th/opac2/BibDetail.aspx?bibno=363460

หากพบปัญหาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

เคาน์เตอร์ One Stop Service ชั้น 1

โทร 053-873510 ; 053-873511

Facebook MJU Library