รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว

ชื่อเรื่อง : รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว
ผู้แต่ง :  มาซารุ อิบุกะ

ผู้แปล : ธีระ สุมิตร และ พรอนงค์ นิยมค้า
สืบค้นจาก :  http://opac.library.mju.ac.th/opac2/BibDetail.aspx?bibno=324572

บรรณานุกรม : อิบุกะ, ไอ. (2562). Youchien de wa ososugiru shinsouban [รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว]. แพรวเพื่อนเด็ก.
                                                                            
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่การแนะแนวปฏิบัติ คือไม่ใช่บอกว่า 1 ต้องทำแบบนี้ 2 ต้องทำแบบนี้แล้วจะดี หนังสือจะอธิบายที่มาที่ไป กรอบความคิด ภาพกว้าง ๆ ให้เข้าใจถึงที่มาและเหตุผล มากกว่าการชี้ว่าควรทำอย่างไรแนะนำให้คุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวมีบุตรและกำลังตั้งครรภ์อ่าน คือต้องอ่านก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะออกมาดูโลก เนื่องจากเล่มนี้เป็นการปรับทัศนคติของคุณแม่และครอบครัว ให้เตรียมพร้อมสำหรับการเลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กไปในทิศทางนี้ เมื่อเข้าใจหลักการ ที่มา และเหตุผลต่าง ๆ แล้ว การปฏิบัติที่เหลือจะตามมาเองโดยอัตโนมัติอย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้เขียนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 หรือเมื่อ 49 ปีมาแล้ว แนวคิดบางอย่างที่ยังคลาสสิก ก็ยังควรแค่แก่การปฏิบัติตาม แต่ก็อาจจะมีบางจุดที่ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ปัจจุบัน อันนี้คุณแม่เองจะเป็นผู้ตัดสินใจได้ดีที่สุด
             ถ้าเริ่มจากบทสรุปก็กล่าวได้ว่าความสามารถและอุปนิสัยของคนเราไม่ได้เป็นของติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่จะถูกกำหนดภายในระยะเวลาหนึ่ง เราถกเถียงกันมานานแล้วว่า คนเรานั้นถูกกำหนดโดยกรรมพันธุ์ ประเภท “ เชื้อไม่ทิ้งแถว ” ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น “ หรือว่าถูกกำหนดด้วยการศึกษาและสภาพแวดล้อมกันแน่เรื่องนี้หาบทสรุปไม่ได้มาเป็นเวลานาน นำเสนอแนวคิดเรื่องการศึกษาในเด็กเล็ก ที่เรามักคิดว่าความโง่-ฉลาด-พรสวรรค์ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด แต่ที่จริงความสามารถและอุปนิสัยส่วนใหญ่จะก่อร่างเรียบร้อยในช่วง 0-3 ขวบ นั่นคือตอนเกิดมาเราเหมือนกันหมด ไม่มีคนที่เกิดมาเป็นอัจฉริยะหรือไอ้งั่ง “การศึกษาแต่แรกเกิดต่างหากที่เป็นตัวกำหนด” ผู้เขียนจึงได้บอกว่า รอให้ถึงอนุบาล (เลย 3 ขวบ) ก็สายเสียแล้ว แต่ละบทเขียนเป็นตอนสั้นๆ อ่านง่าย ให้ข้อมูลเพื่อให้พ่อแม่เข้าใจแนวคิดและยกตัวอย่างให้เห็นภาพรวมและยึดเป็นแนวทางได้ทุกวันนี้องค์ความรู้ทั้งหลายล้วนเป็นไปในแนวทางเดียวกันว่า ช่วงปฐมวัย คือ 0-3 ขวบ เป็นช่วงเวลาทองที่เด็กพร้อมพรั่งในการเรียนรู้ รับข้อมูล และเสริมสร้างพัฒนาการอันเป็นรากฐานชีวิต เป็นช่วงเวลาที่เด็กยังอยู่ในมือของแม่ ของครอบครัวซึ่งเป็นเวลาที่มีค่ามีความหมายทุกนาที ผู้เขียนจึงได้ตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้อย่างเรียกร้องและเร่งเร้าโดยตรงต่อคุณแม่และครอบครัวเช่นนี้ว่า รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว หวังว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะไม่ปล่อยเวลาทองให้ผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย
                                                                            
 
          การให้เด็กฟังดนตรีดีๆ ให้เด็กเรียนไวโอลินนั้น ไม่ใช่เพื่อสร้างอัจฉริยบุคคลทางดนตรี การสอนภาษาอังกฤษ สอนให้อ่านหนังสือ ไม่ใช่เพื่อสร้างอัจฉริยบุคคลทางภาษา รวมทั้งไม่ใช่การเตรียมเด็กเพื่อให้เข้าโรงเรียนอนุบาลดีๆหรือโรงเรียนประถมดีๆ แต่อย่างไร การเรียนไวโอลิน ภาษาอังกฤษ และการอ่านหนังสือ ตัวอักษรนั้นเป็นเพียงมาตรการอย่างหนึ่ง ในการค้นหาความสามารถอันมหาศาลในตัวเด็กเท่านั้น  ระยะแรกเกิด คนเรามีความสามารถร้องไห้กับดูดนมได้เท่านั้น ในขณะที่สัตว์อื่นๆไม่ว่า หมา ม้า ลิง พอเกิดออกมาก็ยืนได้ เดินได้ทันที นักสัตววิทยาคำนวณความแตกต่างนี้ไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 10-11 เดือน ส่วนปัญหาที่ว่าทำไมจึงเกิดความแตกต่างแบบนี้ขึ้นนั้น เหตุผลอย่างหนึ่งกล่าวกันว่า เป็นเพราะมนุษย์เดินไม่ได้เหมือนสัตว์อื่น กล่าวคือมนุษย์ใช้สองขาเดินในแนวตั้ง ทำให้ทารกอยู่ในครรภ์ได้ในระยะเวลาที่สั้นลงเพราะเหตุนี้สัตว์อื่นจึงมีความสามารถหลายอย่าง เช่นความสามารถในการเดิน ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ส่วนมนุษย์ต้องเกิดมาในสภาพที่ยังทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย ซึ่งหมายความว่าความสามารถของเด็กแรกเกิดนั้นขึ้นอยู่กับการศึกษาหลังจากการลืมตาดูโลกแล้ว หรือกล่าวได้ว่า สัตว์อื่นๆ ตอนเกิดมาหัวแข็งเสียแล้ว แต่มนุษย์เกิดมาในสภาพที่สมองยังเกือบเหมือนกระดาษขาวอยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้เด็กแรกเกิดมีความสามารถอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเขียนอะไรลงไปในกระดาษขาวนั้น ถ้าอยากให้เด็กมีความสามารถและอุปนิสัยที่ดีเลิศ ความเป็นไปได้มีมหาศาลในทางตรงกันข้าม ถ้าหากในระยะแรกเกิดเราปล่อยปละละเลยไม่สนใจเด็กก็อาจจะหยุดอยู่ในสภาพสมองว่างเปล่าเช่นนั้น
                                               

 

 

สารบัญ

รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว

1.  ศักยภาพของเด็กเล็ก

2.  สภาวะความเป็นจริงของการเรียนรู้ ในระยะปฐมวัย

3.  สิ่งดีสำหรับเด็กเล็ก  คืออะไรบ้าง

4.  หลักในการฝึกเด็ก

5.  บทบาทของแม่

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
www.se-ed.com
www.naiin.com
www.rmutphysics.com

สนใจหนังสือเล่มนี้ ติดต่อขอใช้บริการ :
Books Seeking & Delivery Service (บริการจัดส่งสำหรับอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

หากพบปัญหาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ :
เคาน์เตอร์ One Stop Service ชั้น 1
โทร 053-873510 ; 053-873511

Facebook:  MJU Library