ไล่ ตง จิ้น ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้

ชื่อเรื่อง : ไล่ ตง จิ้น  ลูกขอทานผู้ไม่ยอมแพ้

ผู้เขียน : LAI TUNG-CHIN

ผู้แปล : วิลาวัลย์ สกุลบริรักษ์

สืบค้นจาก : http://opac.library.mju.ac.th/opac2/BibDetail.aspx?bibno=337386

                                                                 

อัตชีวประวัติของ “ไล่ตงจิ้น” ลูกขอทานกตัญญูที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตนในวัยเด็ก เขาเกิดมาในครอบครัวยาจกที่มีพ่อเป็นขอทานตาบอด แม่ปัญญาอ่อน พี่สาวต้องขายตัวตั้งแต่อายุ 13 ปีเพื่อให้เขาได้เรียนหนังสือและทุกคนในบ้านมีข้าวกิน กว่า 10 ปีที่ต้องเร่ร่อน ค่ำไหนนอนนั่น อาศัยสุสานและศาลเจ้าเป็นที่คุ้มหัวนอน “ไล่ตงจิ้น” ผ่านชีวิตที่ลำเค็ญแสนสาหัส แม้แต่ข้าวของสุนัขก็เคยแย่งมาแล้ว แต่ด้วยหัวใจที่รักดีและไม่ยอมแพ้ เขาจึงพากเพียรพยายาม ไฝ่ใจศึกษา และมุ่งมั่นทำงานจนประสบความสำเร็จ แปรเปลี่ยนคำดูถูกเหยียดหยามสารพัดเป็นพลังผลักดันให้สู้ต่อไป พลิกชีวิตจากขอทานข้างถนนเป็นผู้จัดการโรงงาน จนพบรักและแต่งงานสร้างครอบครัวอย่างมีความสุข 

เด็กชายคนหนึ่งเกิดมาในครอบครัวที่สุดแสนจะลำเค็ญ ใครจะเชื่อว่าเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง …..

เขาเป็นผลผลิตจาก ‘พ่อ’ ตาบอด มีอาชีพเป็นขอทาน กับ ‘แม่’ ผู้ซึ่งปัญญาอ่อน บ้านของเขา คือ สุสานร้าง ท้องนา ไปจนถึงเล้าหมู แถมยังมีน้องที่ต้องดูแลอีก 10 คน (หนึ่งในนั้นปัญญาอ่อนอีกด้วย)

เขาคนนี้ คือ ‘ไล่ ตง จิ้น’

‘อาจิ้น’ เข้าสู่วงการขอทานตั้งแต่ยังเด็ก จากการชักชวนของ ‘โชคชะตา’ ทุกๆวัน เขาจะจูงพ่อตาบอดออกเร่ร่อนขออาหารตามหมู่บ้านต่างๆ ยิ่งมีงานบุญ งานศพ ยิ่งเข้าทางครอบครัวนี้เลย เพราะทั้งเศษอาหารและเสื้อผ้าของคนตาย นั้นเป็นเป้าหมายสำคัญของความอยู่รอด

จนกระทั่งอาจิ้นมีโอกาสเข้าเรียน ถึงแม้จะช้ากว่าเพื่อนในชั้นเรียนถึง 3 ปี แต่เขาก็พากเพียร มุ่งมั่นกับการเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเชื่อว่าการศึกษาเท่านั้น คือกุญแจในการออกจากสถานะ ‘ขอทาน’

ต่อมา ไล่ตงจิ้น ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นแห่งไต้หวัน

                                                 

10 ข้อคิด เสริมกำลังใจ ที่คัดสรรจากเนื้อหาบางส่วน ที่คุณจะได้รับเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้

  • ความจนสอนให้เราเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยน เพราะการปรับเปลี่ยนทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ และนี่คือปรัชญาของการอยู่รอด
  • ระหว่างเร่ร่อนไป พ่อจะคอยบอกให้ผมเก็บก้อนหิน เศษกระจก และตะปูที่ตกอยู่ตามทางเดินออกไปทิ้ง หรือหากพบหลุมขนาดใหญ่ก็ให้เอาไม้มาผูกผ้าปักไว้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อเตือนไม่ให้คนที่รีบเดินมาตอนกลางคืนสะดุดล้มเป็นอันตรายได้ พ่อบอกว่า “เมื่อตัวเองเคยเจ็บมาแล้ว ก็อย่าให้คนอื่นต้องเจ็บซ้ำรอยเดิมอีก” พ่อไม่เคยร่ำเรียนหนังสือ แต่เรื่องราวมากมายที่พ่อสอนให้แก่พวกเราล้วนเป็นเรื่องที่ออกมาจากใจจริงทั้งสิ้น
  • แม้พ่อแม่ของผมจะเป็นคนพิการทั้งคู่ แต่อย่างไรท่านก็อยู่เคียงข้างผม ผมบอกกับตัวเองว่า “การตอบแทนพระคุณพ่อแม่นั้นควรทำให้ทันเวลา และควรทะนุถนอมสิ่งที่มีในตอนนี้ให้ดีที่สุด”
  • ผมวิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน บอกกับตัวเองว่า “ผมจะไปเคาะประตูทุกบ้าน ใครจะด่าว่าดูถูกผมอย่างไรก็เชิญ บ้านหลังนี้ไม่ให้ก็ย้ายไปบ้านหลังใหม่ หมู่บ้านนี้ไม่ให้ก็ไปหมู่บ้านอื่น อย่างไรก็จะต้องหาทางเอาข้าวกลับมาบ้านให้ได้ “ไม่มีอะไรที่จะผลักให้ผมล้มลงได้ อุปสรรคมีแต่จะยิ่งทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น”
  • การร่อนเร่พเนจรสอนให้ผมเข้าใจลึกซึ้งว่าบนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าโชคดีหรอก ไม่มีอะไรที่เราจะได้มาง่ายๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตล้วนมาจากความมานะพยายามของตนเองทั้งสิ้น “การฝ่าฟันอุปสรรคแต่ละครั้งเปรียบเสมือนการวางอิฐแต่ละก้อนลงบนฐานรากแห่งชีวิตของเรา ชีวิตคนก็แบบนี้แหละ การทำงานก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
  • ลูกข่างที่หมุนไปมาก็เหมือนกงล้อแห่งชะตาชีวิต บางครั้งก็หมุนได้ราบรื่นดี แต่บางครั้งก็หมุนเอียงไปเอียงมา ทีสองทีก็กลับหยุดเสียเฉยๆ ชะตาคนเราก็เหมือนกัน “ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เชือกเส้นนั้นอยู่ใต้การควบคุมของมือเรา ชะตาฟ้าลิขิตไว้ แต่สองมือเราเองสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้”
  • แม้ความทุกข์ยากยังติดตามครอบครัวผมเรื่อยมา แต่ผมก็เต็มใจแบกรับมัน “เพราะความทุกข์ยากสอนให้ผมเติบโตขึ้น ให้ผมรู้จักรักและเสียสละเพื่อครอบครัวได้อย่างเด็ดเดี่ยว”
  • การช่วยเหลือเป็นเรื่องที่พ่อปีติที่สุดในชีวิต พ่อคิดว่าตัวเองเป็นขอทานก็น่าสมเพชพอแล้ว ถึงมีเงินเหลือไว้ให้ลูกหลานก็ใช่ว่าจะช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้ แต่ “การสะสมความดีนั้น วันหนึ่งความดีเหล่านี้อาจย้อนมาตอบแทนที่ลูกหลานก็เป็นได้”
  • ผมบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า “ไม่ได้กินของดีๆ ก็ไม่เป็นไร ยังไงชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แต่ก่อนกับข้าวเน่าบูดแค่ไหนก็ต้องกิน ตอนนี้มีข้าวเปล่าให้กินแล้วยังจะไม่พอใจอะไรอีก”
  • การเปลี่ยนแปลงตนเองย่อมง่ายกว่าเปลี่ยนแปลงผู้อื่น เวลาถูกคนดูถูกจงมุมานะให้มากกว่าเดิม
    ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีบุคคลตัวอย่างที่สู้ชีวิตจนประสบความสำเร็จให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่เรื่องราวความจริงในหนังสือกลับมีความโดดเด่นที่ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของเรื่องยังมีชีวิตรอดจนถึงปัจจุบัน เราหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีพลังใจเพิ่มขึ้นและพร้อมฟันฝ่าอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยหัวใจที่ “ไม่ยอมแพ้”

เราเชื่อเสมอว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เราจะได้มาเปล่าๆ แม้ว่าคุณจะทุ่มเทลงไปสักแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องได้รับผลตอบแทนเท่ากับที่คุณทุ่มเทลงไป และหากคุณไม่มีความมานะพากเพียรอย่างแท้จริง สิ่งที่คุณได้มาก็อาจหมดไปได้ง่ายๆ เพราะสิ่งใดที่ได้มาโดยง่าย คนก็มักไม่ตระหนักถึงคุณค่าของมัน

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : https://shorturl.asia/ORYVl

https://readery.co/9786160440528

https://shorturl.asia/wWNTI

https://shorturl.asia/F1IVi

 

สนใจหนังสือเล่มนี้ ติดต่อขอใช้บริการ :

Books Seeking & Delivery Service (บริการจัดส่งสำหรับอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

หากพบปัญหาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ :

เคาน์เตอร์ One Stop Service ชั้น 1

โทร 053-873510  

Facebook MJU Library