Movie Critical


ภาพยนตร์เรื่อง: The Call สายตรงต่ออดีต
ผู้กำกับภาพยนตร์: Lee Chung Hyun
ผู้เขียนบท: Lee Chung Hyun
นักแสดงนำ: Park Shin Hye, Oh Jeong Se, Jun Jong Seo, Kim Sung Ryung, Park Ho San
ความยาว: 112 นาที
แนว/ประเภท: Thriller
ประเทศ: เกาหลีใต้
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Yong Film, Next Entertainment World

ความระทึกที่เล่นกับโทรศัพท์และเวลาเรื่องราวหญิงสาวที่ติดต่อกับคนในอดีตผ่านทางโทรศัพท์บ้าน

ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ พัคชินฮเย ฉายในบริการของเน็ตฟลิกซ์ ในฐานะของคนที่ชื่นชอบในหน้าตาและผลงานของเธอ ย่อมจะอดใจไม่ได้ ต้องรีบดูตั้งแต่คืนแรก เรื่องราวของการเอาตัวรอดและแก้ไขสถานการณ์ผ่านการคุยโทรศัพท์กับคนในอดีต The Call หรือชื่อไทย สายตรงต่ออดีต นั่นเอง

ในระยะหลัง เรามักจะได้ชมผลงานของเธอผ่านทางแพล็ตฟอร์มออนไลน์ อย่างเรื่องก่อน Alive หนังแอคชันซอมบี้ที่เล่าเรื่องในอพารต์เมนต์ มาคราวนี้ หนังปี 2020 จากเกาหลีใต้ก็ยังได้ดูกันผ่านทางออนไลน์ กับผลงานหนังยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ Lee Choong Hyun หนังถูกเลื่อนโปรแกรมหลายหนเพราะวิกฤติโควิด-19 ระบาด จนสุดท้ายก็มาจบตรงที่ฉายทาง Netflix

คราวนี้ หันมาทางหนังสไตล์ทริลเลอร์ ที่พาคนดูระทึกไปกับการลุ้นไปลุ้นมาของคนในปัจจุบันกับคนในอดีต เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า เรื่องราวมันเป็นมายังไง

เรื่องย่อหนัง The Call

ซอยอน (Park Shin Hye จากหนัง Alive ซีรีส์ Doctors, Memories of the Alhambra และ Pinocchio) หญิงสาวกำพร้าพ่อและไม่ค่อยถูกกับแม่นัก เธอเดินทางมายังบ้านหลังเก่า ก่อนจะได้พบกับเหตุอันเหลือเชื่อผ่านทางสายโทรศัพท์

เมื่อจู่ๆ เธอก็ได้คุยโทรศัพท์กับคนในอดีต คนๆ นั้นอยู่ในบ้านหลังเดียวกันนี้ และทุกครั้งที่ต่อสายก็จะติดสายของกันและกันเสมอ ปลายสายเป็น ยองซุก (Jun Jong Seo จากหนัง Burning) หญิงที่ดูไม่ค่อยปกติ เธอเป็นลูกสาวของหมอผีที่ตายไปแล้ว และอาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงคนหนึ่ง แต่มันไม่ใช่แค่นั้น

เพราะเวลาของยองซุกนั้นคืออดีตเป็น 20 ปีก่อน ขณะที่ซอยอนอยู่ในโลกปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยน กลับเปลี่ยนแปลง เมื่อคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงอดีตให้ได้ แต่กลับเป็นคนที่มีความวิปริตในจิตใจ และที่แท้แล้ว เธอคือฆาตกรต่อเนื่องนาม ‘โอยองซุก’ ในอดีตนั่นเอง  สุดท้าย กลายเป็นว่าเธอต้องพยายามสุดกำลังเพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียทุกอย่างที่รักไป

รีวิวหนัง สายตรงต่ออดีต

เป็นหนังแนวระทึกขวัญที่เล่นกับเรื่องของเวลา นางเอกในเวลาปัจจุบัน ปี 2019 แต่ดันติดต่อกับคนปลายสายที่เคยอยู่บ้านนี้เมื่อ 20 ปีก่อนผ่านทางสายโทรศัพท์

นางเอก ซอยอน คือสาวที่กำพร้าพ่อไปเพราะอุบัติเหตุทางอัคคีภัย เหลือเพียงแค่แม่ที่เธอมองเป็นตัวการที่ทำให้เธอต้องสูญเสียพ่อ ดังนั้น การที่ได้รู้ว่าปลายสายคือคนในอดีตผู้เคยอยู่ในบ้าหลังนี้จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอไปในทันที

เมื่อซอยอนได้รับการช่วยเหลือจากยองซุก จนทำให้พ่อเธอกลับมามีชีวิตอยู่อีกครั้ง เพราะการแก้ไขอดีตซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะไปเปลี่ยนแปลง เพื่อตอบแทนในสิ่งที่ซองยุกทำให้ เธอเองก็เลยช่วยส่งเพลงของศิลปินที่เธอชื่นชอบไปให้ฟัง กลายเป็นว่าต่างคนต่างตอบแทนกัน แต่ก็ทำให้ซอยอนถูกผูกติดกับยองซุกไปโดยปริยาย

ลุ้นระทึกดี แต่ก็มีไม่สมจริงบ้าง

เมื่อปลายสายคือ สาวที่มีสภาพจิตไม่ปกติ ไม่พอ ในเวลานั้นเธอยังอยู่บ้านนี้กับแม่เลี้ยงที่ใจร้ายสุดๆ และซอยอนกลายเป็นทางรอดของเธอ ด้วยความซื่อบื้อหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ซอยอนเข้าตาจน จำเป็นต้องทำตามคำขอแกมบังคับของเธอ ที่สุดท้าย กลายเป็นว่าซอยอนต้องดิ้นรนเพื่อไม่ให้ต้องสูญเสียแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง

เรื่องราวที่มีเงื่อนงำน่าสนใจ ชวนระทึกติดตามต่อ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจะส่งผลต่อปัจจุบัน ขณะเดียวกัน คนในปัจจุบันก็สามารถรู้เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นไปแล้วได้

ตัวละครก็นับว่าเก่งกาจ รู้จักใช้สมองคิดหาวิธีการต่างๆ เพื่อเอาตัวรอด ทั้งหนังก็พยายามดำเนินให้เรื่องมันเคลื่อนไปอยู่ตลอด เวลาทั้งสองช่วงที่เดินไปพร้อมกัน หนังใช้การตัดสลับให้คนดูร่วมลุ้นว่ามันจะลงเอยตรงที่ใด ไม่มีส่วนไหนที่น่าเบื่อ เช่นเดียวกับการได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครตัวหนึ่ง

สาวสภาพจิตไม่ปกติที่ต่อมาจะต้องกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เธอจึงเป็นตัวอันตราย เมื่อเจอกับปลายสายที่เป็นสาวที่อ่อนไหวและไม่ทันคน จึงกลายเป็นการสร้างบ่วงให้ตัวเองต้องติดกับ

แต่หนังก็มีหลายจุดที่ดูไม่น่าเชื่อหรือไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่นัก บางจุด เราอาจคิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้แน่เลย แต่มันก็ไม่ได้เป็นเพราะหนังเลือกจะเล่าจากมุมของซอยอน บ้างก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะๆ ต่อหน้าต่อตา แต่กลับเป็นว่า หนังพยายามจะโชว์ซีจีจนเรื่องราวดูไม่สมจริง แม้แต่การสังหารจนมีศพอยู่ในบ้านก็ยังไร้กลิ่นจนกระทั่งตำรวจมาเยือนก็ยังไม่ได้กลิ่น

แต่ถึงอย่างนั้น ในช่วงครึ่งหลังของหนังก็นับได้ว่าน่าลุ้นระทึกอยู่

พัคชินฮเย กับ จอนจงซอ

พัคชินฮเยในเรื่องนี้ เราจะได้เห็นลุคในแบบผมสั้นที่ก็น่ารักไปอีกแบบ ทั้งยังได้เห็นทั้งในลุคผมยาวด้วย เธอได้แสดงในบทบาทที่เกรี้ยวกราดที่อาจไม่คุ้นเคยจากที่เคยเจอในซีรีส์ต่างๆ แต่บทบาทในมุมดราม่าเรียกน้ำตา ชินฮเยก็ทำได้เยี่ยมยอด เล่นเอาน้ำตาซึมตามไปด้วยเลย

ขณะที่จอนจงซอ เรื่องนี้ เธอได้เล่นเป็นหญิงสาวที่ออกอาการโรคจิตเลยมีโอกาสได้แสดงความสามารถมากหน่อย เธอค่อยๆ เปลี่ยนจากคนมีสภาพจิตอ่อนๆ กลายเป็นหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จากการมีแม่เลี้ยงที่ดูร้ายๆ แถมเล่นของอีก สุดท้ายเธอเลยกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เธอเล่นได้ร้ายและบ้าถึงดีเลยแหละ

นอกเหนือจากสองตัวนี้แล้ว เราก็คงจะได้พบกับนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยมีผลงานในซีรีส์เกาหลีอีก ไม่ว่าจะเป็น Oh Jeong Se เขาคือมูนซังแทที่เคยคุ้นในซีรีส์เรื่อง It’s Okay to Not Be Okay  ส่วนอีกคนก็ Park Ho San  เขาเคยเล่นทั้งซีรีส์ Prison Playbook และ My Mister พอเจอสองคนนี้แล้วต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที

โดยรวมก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยแหละสำหรับหนังเรื่องนี้ นอกจากดำเนินเรื่องได้ชวนติดตามแล้ว ซีจีการจัดฉากและการเก็บรายละเอียดต่างๆ ก็เป็นส่วนสำคัญ รวมไปถึงเพลงประกอบที่เป็นแนวร็อกมันๆ แรงๆ ก็ส่งเสริมภาพลักษณ์ของสาวโรคจิตได้เป็นอย่างดีแม้แต่ตอนจบก็ยังมีอะไรให้ต้องคิดตาม