Movie Critical : The Queen’s Gambit

ภาพยนตร์เรื่อง: The Queen’s Gambit: ราชินีนักหมากรุกหญิง บนเวทีที่ชายเป็นใหญ่
ผู้กำกับภาพยนตร์: Scott Frank
ผู้เขียนบท: Scott Frank
นักแสดงนำ: Anya Taylor-Joy, Bill Camp, Moses Ingram, Isla Johnston
ความยาว: 7 Episode 
ปี: 2020
แนว/ประเภท: Drama
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Netflix

The Queen’s Gambit ซีรีส์ Netflix ใช้เวลาดูทั้ง season 1 ทั้งสิ้นประมาณ 7 ชั่วโมง ซีรีส์มันสนุกจริง ๆ และคนที่เล่นหมากรุกไม่เป็นก็ดูรู้เรื่อง The Queen’s Gambit เป็นเรื่องของนักหมากรุกหญิงอัจฉริยะ ชื่อ Beth Harmon ซึ่งไม่ได้มีตัวตนอยู่จริงในหน้าประวัติศาสตร์แต่อย่างใด หากแต่เป็น fictional character ที่นักเขียนชื่อดัง Walter Tevis สร้างไว้ในนิยายชื่อเดียวกันเมื่อปี 1983 และเป็นต้นฉบับที่ Scott Frank (ผู้เขียนบทและเข้าชิงออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจาก Logan) นำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ความยาว 7 episodes (สำหรับ season 1)

ในโลกของความเป็นจริง Beth Harmon ไม่เคยมีอยู่จริง และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เป็นแชมป์ THE CHESS WORLD CHAMPIONSHIP เพราะสมัยนั้นหมากรุกเป็นเกมกีฬาของผู้ชาย และส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้เล่นที่โตแล้วหรือมีอายุแล้ว ส่วนนักหมากรุกหญิงจะได้แข่งหมากรุกในเวทีของผู้หญิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน โลกของเราก็มีนักหมากรุกหญิงขึ้นชื่อหลายคน เช่น Judit Polgár Hou Yifan เป็นต้น

แว้บแรกที่เห็น The Queen’s Gambit นึกถึง Pawn Sacrifice ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของ Bobby Fischer (รับบทโดย Tobey Maguire จาก Spider-Man) นักหมากรุกแชมป์โลกชาวอเมริกันเชื้อสายยิว เพราะเป็นอัจฉริยะภาพด้านหมากรุกระดับโลกเหมือนกัน มีปัญหาทางจิตกับการติดยาเหมือนกัน และเรื่องเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่ ๆ กัน นั่นคือช่วงสงครามเย็น ซึ่งในสมัยนั้น หมากรุกจัดเป็นเกมกีฬาที่ป็อปปูล่าร์มาก สื่อต่าง ๆ ให้ความสนใจ มีการถ่ายทอดสด มีการตีพิมพ์บทสัมภาษณ์นักหมากรุก มีนักหมากรุกดัง ๆ ขึ้นปกนิตยสารใหญ่ ๆ เหมือนนักกีฬาฟุตบอลหรือ e-sport ในโลกปัจจุบันนี้เลยก็ว่าได้


The Queen’s Gambit เล่าเรื่องของ Beth Harmon เด็กผู้สูญเสียแม่และต้องถูกส่งมาอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ 9 ขวบ เธอเบื่อหน่ายกับวงจรชีวิตที่นั่น แต่ที่นั่นเอง เธอก็ได้เจอเพื่อนรักอย่าง Jolene เด็กกำพร้าผิวสีที่โตกว่าเธอ (Moses Ingram) และได้เรียนหมากรุกจากภารโรง Mr. Shaibel (Bill Camp จาก Joker)

หลายปีต่อมา เธอก็ได้รับการอุปถัมภ์โดยสองสามีภรรยา Wheatleys แต่บ้านหลังใหม่ก็ยังไม่ใช่ comfort zone ของเธอ เมื่อเธอมักถูก bullied ที่โรงเรียน และพ่อใหม่ก็มักไป “business trip” เป็นเวลานาน ทิ้งให้เธออยู่กับ Alma แม่ใหม่ผู้ติดเหล้าโดยลำพัง แต่ทั้งสองก็เข้ากันอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อ Alma พบว่า Beth มีพรสวรรค์ด้านหมากรุกและการแข่งหมากรุกสามารถทำเงินได้มาก ทำให้ Alma สนับสนุน Beth อย่างเต็มที่และก้าวมาเป็นผู้จัดการของเธออย่างเต็มตัว


Beth ค่อย ๆ สะสมชื่อเสียงและพัฒนาสกิลจากการเดินสายแข่งขันเวทีต่าง ๆ โดยระหว่างเส้นทาง เธอได้พบกับนักหมากรุกชายมากมาย ที่เป็นทั้งเพื่อน คู่แข่ง เมนเทอร์ และคนรักของเธอ ตั้งแต่ Harry Beltik, D.L. Townes และแชมป์อเมริกาอย่าง Benny Watts จนในที่สุด เธอก็โค่นและได้เป็นแชมป์อเมริกาแทน Benny ทำให้ได้ไปแข่ง THE CHESS WORLD CHAMPIONSHIP กับมือหนึ่งของโลกอย่าง Vasily Borgov นักหมากรุกชาวรัสเซีย ซึ่งมีจุดแข็งคือเป็นชาติที่คิดและทำงานกันเป็นทีม ส่วนชื่อเรื่อง The Queen’s Gambit นั้น ก็คือชื่อกลยุทธการเปิดเกมเดินหมากที่ Beth ใช้ในการแข่งรอบไฟนอลชิงแชมป์โลกกับ Borgov ใน episode สุดท้ายของซีรีส์นี้เอง

เราคนดูทุกคนต่างรู้ว่า Beth เป็นอัจฉริยะ และไม่ว่าจะยังไง เธอก็จะต้องชนะ และเป็นแชมป์โลกในตอนท้ายที่สุด แต่ความสำคัญและความสนุกของเรื่องอยู่ตรงเส้นทางแชมป์ของเธอ เธอมาเล่นหมากรุกได้อย่างไร เธอฝึกซ้อมหมากรุกอย่างไรโดยไม่ใช้กระดาน เธอเล่นอย่างไร เธอเก่งขึ้นได้อย่างไร และเธอชนะได้อย่างไร ฯลฯ

เราจะเห็นได้ว่า Beth ก็คือคนธรรมดาคนหนึ่ง เริ่มต้นจากศูนย์ หรือติดลบเลยก็ว่าได้ เธอจำเป็นต้องพึ่งยากล่อมประสาทและเธอมักเดินหมากตามสัญชาตญาณ ก่อนที่เธอจะเริ่มศึกษากลยุทธของคู่แข่งและศึกษาเกมเก่า ๆ ของนักเล่นอาชีพคนก่อน ๆ อย่างจริงจัง พูดง่าย ๆ คือ พรสวรรค์ก็ต้องไปพร้อมพรแสวง และที่สำคัญ เธอจำเป็นต้องลดอีโก้ลงและยอมรับความพ่ายแพ้ให้เป็น
Beth มีปมในชีวิตเช่นเดียวกับเราทุกคน เธอสูญเสียแม่และเห็นแม่จากไปต่อหน้าต่อตา เธอคิดว่า นอกจากหมากรุกแล้ว เธอไม่มีอะไรเลย ไม่มีตัวตน ไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อแม่ ครั้นจะมีพ่อแม่กับเขาอีกครั้ง พ่อก็มาทิ้งไปอีกครั้ง แม่ก็มาด่วนจากไปด้วยอีกครา มันเหมือนชีวิตนี้ เธอถูกพ่อทิ้งสองครั้ง และต้องเห็นแม่ตายสองครั้ง ยังไม่นับที่เธอเห็นภาพหลอน เห็นแม่ตายในความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นอีก ตอนอยู่โรงเรียน เธอก็ไม่ได้รับการยอมรับ ถูกเพื่อน bully ว่าใส่เสื้อผ้าเชย ๆ และเมื่อวันนึง เธอได้รู้ว่า เงินรางวัลจากการแข่งหมากรุกจะช่วยให้เธอเป็นที่ยอมรับและเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของเธอได้ เธอจึงทุ่มเทอย่างมากที่จะต้องชนะเท่านั้น

จริง ๆ แล้ว ในสมัยนั้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าจน ๆ อย่าง Beth ก็ตาม แต่แค่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง มันก็ยากที่จะมีตัวตนหรือมีชีวิตเป็นของตัวเองแต่แรกแล้ว ยกกรณี Alma แม่ใหม่ของ Beth เป็นตัวอย่าง เธอมี talent ด้านเปียโน แต่เธอไม่เคยได้เป็นนักเปียโน และในวัยกลางคน เธอก็ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง ไม่สามารถแม้กระทั่งจะแต่งตัวอย่างที่อยากจะแต่งได้ เพราะทั้งชีวิต เธอต้องผูกติดอยู่กับสามี พอสามีทิ้งไป เธอก็ไม่เหลืออะไรเลย และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า หรือต่อให้เกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะอย่างเพื่อนไฮสคูลคนหนึ่งของ Beth ก็ตาม สุดท้ายเรียนจบไป ชีวิตก็เป็นได้แค่แม่บ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น

หรือหากพูดในกรณีทั่วไป ไม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเพศ เราก็เห็นตัวละครมากมาย แม้แต่ตัวละครเพศชายเอง ที่ต้องละทิ้งความฝัน เพราะไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมพรสวรรค์และพรแสวงเหมือน Beth กล่าวคือ ถึงแม้เขาจะพยายามฝึกฝนเล่นหมากรุกสักเท่าไหร่ สุดท้ายหมากรุกก็เป็นได้แค่งานอดิเรกหรือกิจกรรมนอกเวลาของเขา เพราะหมากรุกไม่สามารถทำให้ปากท้องเขาอิ่มได้เหมือนกับอาชีพนักข่าว วิศวกร หรือพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต

แม้แต่ Beth เอง ที่ไม่ว่าจะยังไง เราก็จะได้เห็นเธอได้เป็นแชมป์โลก แต่เราก็ยังเกิดข้อกังขาในใจว่า หลังจากที่ได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวงการหมากรุกแล้ว ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป เธอจะยังมีเป้าหมายชีวิตใดให้ไขว่คว้าต่อไปอีก หรือการเป็นแชมป์โลกหมากรุกที่เธอเคยอยากได้นักหนา พอได้มันมา มันอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลยเมื่อเทียบกับการที่เธอได้ชนะตัวเอง ทั้งจากการติดยาและจากอีโก้ข้างในตัวเอง และที่สำคัญ เธอได้รู้ว่าเธอไม่ได้ต่อสู้อยู่บนโลกนี้เพียงลำพังและเธอยังมี “บ้าน” ที่ต้อนรับเธออยู่เสมอ
Credit : kwanmanie.com