11 วิธีชาร์จแบตเตอรี่อย่างไร ให้ปลอดภัย ไม่โดนไฟดูด

ข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุไฟช็อตไฟดูดจากการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์แทบจะทุกปี บางรายโชคดีเพียงแค่บาดเจ็บทางร่างกายมีเพียงรอยไหม้ บางรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน วันนี้ของนำ 11 วิธีชาร์จแบตเตอรี่อย่างไร ให้ปลอดภัย ไม่โดนไฟดูด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและคนในครอบครัวมาฝากกันค่ะ

1. ใช้อแดปเตอร์หรือสายชาร์จของแท้จากผู้ผลิต
การใช้อแดปเตอร์หรือสายชาร์จของแท้จากผู้ผลิต เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เพราะผู้ผลิตการันตีว่าอุปกรณ์ทุกอย่างที่ผลิตออกมาใหม่นั้นได้มาตรฐานตามที่บริษัทกำหนดอย่างแน่นอน ยกเว้นว่าจะแจ๊คพอทเจอชิ้นที่หลุด QC ก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายตามกฏหมายจากผู้ผลิตได้

2. ระมัดระวังอย่าให้อแดปเตอร์หรือสายชาร์จเปียกน้ำ
หลีกเลี่ยงการทำน้ำหกใส่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ที่ต้องพึ่งไฟบ้านอย่างอแดปเตอร์หรือสายชาร์จ หากเปียกน้ำเฉพาะส่วนที่เป็นฉนวนก็ยังใช้ต่อได้ แต่ถ้าส่วนที่เป็นโลหะนั้นเปียกไปด้วย หรือเปียกในซอกหลืบที่ยากจะเช็ดออกแนะนำให้ทิ้ง

3. ไม่ควรแกะหรือซ่อมอแดปเตอร์ชาร์จด้วยตัวเอง
หากใครไม่มีความรู้หรือเป็นเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์ ก็ไม่ควรรื้อแกะหรือซ่อมแซมอแดปเตอร์ชาร์จ ทางที่ดีซื้อใหม่ไปเลยจะดีกว่า ยิ่งถ้าซ่อมแล้วไฟบ้าน 220V รั่วเข้ามาในสายชาร์จได้เมื่อไหร่ มีโอกาสที่ไฟจะไหม้บ้านได้

4. ใช้กระแสไฟฟ้าที่เหมาะสมในการชาร์จ
ไม่ควรใช้กระแสมากกว่าปกติ (ยกเว้น Tablet และสมาร์ทโฟนที่มีระบบชาร์จไวโดยเฉพาะ) ปัจจุบันอแดปเตอร์ชาร์จที่ขายในท้องตลาด มีหลายรุ่นที่จ่ายกระแสไฟฟ้าได้หลายแบบ (มีช่อง USB หลายช่อง) เช่น 1A, 1.5A, 2A, 2.4A และอื่นๆ อีกมากมายเนื่องจากแต่ละยี่ห้อก็มีมาตรฐานในการชาร์จแตกต่างกันออกไป ยิ่งเป็นรุ่นที่รองรับระบบชาร์จไวก็จะมีมาตรฐานเฉพาะยี่ห้อไป ซึ่งตามหลักการของไฟฟ้าแล้ว หากกระแสเยอะ เมื่อไฟฟ้าผ่านเข้าสู่ร่างกายก็จะเป็นอันตรายมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ การชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้าสูงๆ จะทำให้เครื่องร้อนและลดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่อีกด้วย

5. ไม่ควรใช้งานในขณะที่ชาร์จ
หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สมาร์ทโฟนทันทีทันใด ควรถอดสายชาร์จออกก่อน แล้วก็ใช้งานตามปกติ

6. ในขณะชาร์จ เก็บสมาร์ทโฟนให้ห่างจากมือเด็ก
สำหรับบ้านไหนที่มีเด็ก วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บให้พ้นมือเด็ก ไม่ว่าจะชาร์จอยู่หรือไม่ก็ตาม เพราะโดยปกติแล้ว สมาร์ทโฟนไม่ใช่ของเล่นสำหรับเด็กเล็กเลยแม้แต่น้อย

7. หากตัวเปียก ไม่ควรจับสมาร์ทโฟนที่กำลังชาร์จอยู่
การใช้งานในขณะที่ชาร์จแบตถ้าตัวเปียกแล้วไปจับ ชีวิตก็เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย โอกาสที่ไฟจะรั่วก็มีสูงขึ้นเพราะน้ำกับไฟฟ้านั้นไม่ถูกกันอยู่แล้ว

8. ควรหลีกเลี่ยงสายชาร์จที่หุ้มด้วยโครงโลหะ
บางคนเลือกซื้อสายชาร์จตามลวดลายที่ชอบ หรือเลือกจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน หนึ่งในนั้นคือสายชาร์จที่ถักสายหุ้มด้วยโครงโลหะ ข้อดีของสายชาร์จแบบนี้คือแข็งแรงทนทานรับแรงดึงได้ดีกว่าสายยางหรือพลาสติก แต่ข้อเสียหลักคือสายแบบนี้ไฟจะรั่วง่ายกว่าปกติ ยิ่งถ้าตัวเปียกๆ หากซื้อมาแล้วก็มีวิธีแก้ไขแบบง่ายๆ นั่นก็คือ ขณะใช้ก็อย่าเหยียบพื้น แค่นี้ก็ปลอดภัยแล้ว

9. เลือกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นที่บอดี้ไม่เป็นโครงโลหะ (หรือใส่เคสที่เป็นฉนวน)
ใครที่กำลังใช้สมาร์ทโฟนบอดี้โครงโลหะอยู่ ก็คงจะเคยโดนไฟรั่วกันบ้าง ยิ่งถ้าชาร์จด้วยกระแสสูงๆ ไฟจะรั่วง่ายกว่าปกติ ใครยังไม่ได้ซื้อเครื่องแบบนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าซื้อเครื่องมาแล้วก็มีวิธีแก้ไขง่ายๆ นั่นคือ ใส่เคสที่เป็นฉนวนห่อหุ้มโครงโลหะให้หมด แล้วปัญหาไฟรั่วจากบอดีก็จะมลายหายไปเอง

10. หากอแดปเตอร์หรือสายชาร์จชำรุดโดยอยู่ในเงื่อนไขของประกัน ควรนำไปเคลมเพื่อรับอุปกรณ์ใหม่ทันที
ทั้งนี้ เราต้องดูเงื่อนไขการรับประกันให้ละเอียดถี่ถ้วนในคู่มือหรือเอกสารปฏิเสธความรับผิดชอบ (Disclamer) เพราะบางยี่ห้อระบุเงื่อนไขว่า “ไม่รับประกันอุปกรณ์เสริมไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น”

11. ใช้แบตสำรองในการชาร์จแบต
เป็นที่แน่นอนยืนยันได้เลยว่าไฟฟ้าไม่มีทางรั่วแน่นอน 100% เพราะเพาเวอร์แบงค์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อใช้ไฟกระแสตรง (DC) ขนาด 5V จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีทางที่ไฟบ้านเล็ดลอดออกมากจากเพาเวอร์แบงค์ แต่เพาเวอร์แบงค์ต้องไม่เสียบไฟบ้านอยู่ในขณะนั้น

ที่มา : whatphone