Movie Critical


Contagion : สัมผัสล้างโลก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Steven Soderbergh
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Scott Z. Burns
นักแสดงนำ: Gwyneth Paltrow, Matt Damon, Jude Law, Laurence Fishburne, Kate Winslet, Marion Cotillard
แนว/ประเภท: Action, Drama, Thriller
ความยาว: 106 นาที
สตูดิโอ: Warner Bros.

เชื่อว่าเราต่างดูหนังซอมบี้หรือหนังไวรัสล้างเมืองมากันไม่น้อย และขณะดู ก็คงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันนึงเราต้องเจอเหตุการณ์อย่างในหนังจริง ๆ เราจะเป็นอย่างไร เราจะทำอย่างไร และที่สำคัญ “เราจะรอดไหม”

หนังไวรัสหลายเรื่องอาจจะยังดูไกลตัวหรือเกินจริงสำหรับ ณ ปัจจุบันนี้ไปบ้าง เช่น หนังหลายเรื่องก็ให้ผู้ติดเชื้อเป็นซอมบี้ทันทีเลย เช่น Train to Busan ที่เราจะไปตามติดกงยูต่อสู้กับซอมบี้เพื่อเอาตัวรอด หรือบางเรื่องก็เล่าถึงตอนที่ไวรัสระบาดไปจนถึงจุดวิกฤติหนัก ๆ แล้ว เช่น I Am Legend ที่ทั้งโลกเหลือ Will Smith อยู่แค่คนเดียว แต่ถ้าเคยดู Contagion หนังไวรัสแห่งปี 2011 แล้วมาเจอสถานการณ์ coronavirus ณ ตอนนี้ คุณจะรู้สึก “เดจาวู”

ความน่ากลัวของ Contagion คือมันเป็นหนังไวรัสระบาดที่ใกล้ตัวและใกล้เคียงกับสถานการณ์ COVID-19 ณ ตอนนี้มาก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าไวรัสในหนังเรื่องนี้ติดกันทางการสัมผัสของคนสู่คน เช่น การเชคแฮนด์ รวมถึงการสัมผัสผ่านวัตถุพาหะ เช่น ลูกบิดประตู หรือราวจับบนขนส่งสาธารณะ โดยผู้ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูงและไออย่างรุนแรง วิธีป้องกันคือ social distancing และหมั่นล้างมือบ่อย ๆ

ถ้าดู Contagion ก่อนหน้านี้ พวกเราอาจรู้สึกเฉย ๆ แต่ถ้าดูในปี 2020 นี้ ไม่ว่าจะดูซ้ำหรือดูเป็นครั้งแรก คุณจะพบว่าหนังสมจริงมาก จนเหมือนกำลังดูสารคดีมากกว่าหนัง สารคดีที่มีนักแสดงเกรดเอมาเป็นตัวละครนำ และจะเรียก Contagion ว่าเป็น “หนังไวรัสผู้มาก่อนกาล”

ไม่แปลกที่ Contagion จะดูเรียลมาก เพราะหนังเค้ามีการค้นคว้า (research) เกี่ยวกับโรคระบาด (pandemic) เป็นเวลาหลายเดือนก่อนถ่ายทำ และให้นักระบาดวิทยา (epidemiologist) มาช่วยพัฒนาพล็อตให้สมจริงที่สุดอย่างที่เราเห็น มันเป๊ะกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก ประหนึ่ง Steven Soderbergh กับ Scott Z. Burns (ผู้กำกับและคนเขียนบท) ทำนายมันไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ 9 ปีที่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ไวรัสในหนัง Contagion (MEV-1) เกิดจากค้างคาวและหมู ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยของกรมควบคุมโรค (CDC) ที่ว่า 75% ของโรคใหม่ ๆ ที่เกิดในมนุษย์นั้นมาจากสัตว์ เช่น โรค HIV, Ebola (EVD), และ SARS (รวมถึงล่าสุด COVID-19 ก็เชื่อว่าต้นกำเนิดมาจากสัตว์เช่นกัน) โดยโรค SARS ซึ่งระบาดหนักในปี 2003 ถูกเชื่อว่ากำเนิดมาจากค้างคาวที่ขายในตลาดสดทางตอนใต้ของจีน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่คนไม่ใช้ตู้เย็นและมีวัฒนธรรมการซื้อสัตว์เป็น ๆ ไปทำอาหาร

ในหนัง Contagion เรื่องทั้งหมดเริ่มที่ Patient Zero หรือผู้ป่วยคนแรกคือ Beth Emhoff  ได้รับเชื้อจาก Hong Kong – Macao จากนั้นเธอก็ไปแพร่เชื้อต่อในบ่อนคาสิโนที่เธอไปเล่น ตั้งแต่ชาวญี่ปุ่นที่นั่งข้างเธอ บริกรที่มาเก็บแก้วของเธอ ชู้รักที่เธอแวะหาที่ Chicago ก่อนจะบินกลับบ้านที่ Minnesota และไปติด Clark ลูกชายตัวน้อยของเธอ

กลับถึงบ้านไม่ทันข้ามวันดี Beth กับ Clark ก็ออกอาการและจากไปอย่างรวดเร็วชนิดไม่ทันตั้งตัว ด้วยความเป็นโรคที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน พอตายแล้วก็ยังมีปัญหาเรื่องการทำพิธีศพทางศาสนาตามปกติไม่ได้ เหมือนเดจาวู ที่เราเพิ่งเห็นเคสคล้ายกันนี้ในข่าวประเทศไทย
โชคดีที่สามีของเธอ Mitch มีภูมิคุ้มกัน จึงไม่ติดเชื้อ และตอนนั้นลูกสาวของเขา Jory ก็ไม่ได้กลับบ้านพอดี แต่ Mitch ก็ให้ลูกสาวกักบริเวณอยู่แต่บ้าน ไม่ได้พบกับแฟนหนุ่มของเธอ และเขาต้องไปไฟต์หาอาหารและของใช้จำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ต จนถึงต่อแถวรับเสบียงอันน้อยนิดจากส่วนกลาง มาประทังชีพสองคนพ่อลูกในภาวะฉุกเฉินนี้

นายพล Lyle Haggerty และ Dr. Ellis Cheever แห่ง กรมควบคุมโรค (CDC) ให้ Dr. Ally Hextall ทำการทดลองกับลิงเพื่อเร่งหาทางผลิตวัคซีนป้องกัน ซึ่งเธอก็ทุ่มสุดตัวถึงขั้นยอมเป็นคนแรกที่ทดลองฉีดวัคซีนเข้าตัวก่อน เพราะพ่อของเธอซึ่งเป็นหมอแนวหน้าก็ติดเชื้อนี้จากการทำงานรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาล

Dr. Erin Mears ถูกส่งไปลงพื้นที่เพื่อสืบหาแหล่งที่มาของโรคเช่นกัน ซึ่งต่อมาเธอติดเชื้อและเสียชีวิตในหน้าที่ บางโมเมนต์ของเธอก็ทำให้เรานึกถึง Dr. Li Wenliang หมอประจำ Wuhan ที่เคยออกมาเตือนเรื่อง coronavirus ตั้งแต่ปลายปี 2019 แต่ตอนนั้นไม่มีคนเชื่อ จนกระทั่งโรคระบาดทั่วโลกจนแทบควบคุมไม่ได้ และคุณหมอเองก็เสียชีวิตจากการติดเชื้อ

Dr. Leonora Orantes หมอในสังกัดองค์การอนามัยโลก (WHO) ถูกส่งไป Hong Kong เพื่อหาต้นตอที่ Beth Emhoff ติดเชื้อมา ซึ่งต่อมาเธอก็ถูกลักพาตัวโดยคนท้องถิ่นที่ต้องการแลกเธอกับวัคซีนสำหรับทุกคนในหมู่บ้าน

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุด บางทีก็ไม่ใช่ไวรัส แต่หากคือความกลัวของมนุษย์ ที่นำมาสู่ความหายนะต่าง ๆ ตามมานี่แหละ เช่น การแย่งชิงกักตุนอาหาร การแย่งชิงยาในร้านขายยา จนไปถึงอาชญากรรม ปล้น กรรโชกลักพาตัว ฯลฯ ซึ่งบ่อยครั้งที่ความกลัวนั้นถูกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วนั้น ก็เพราะ Fake News หรือ Disinformation บนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง

Alan Krumwiede บล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ฉวยโอกาสนี้ รับเงินก้อนโตจาก supplier บางเจ้า มาปั้นเรื่อง เพื่อปั่น demand และปั่นราคา ให้ผู้คนเชื่อว่า forsythia สามารถฆ่าไวรัสได้ คนก็แห่กันไปซื้อและตบตีแย่งกันที่ร้านขายยา ทั้งที่ความจริงยาตัวนั้นไม่ได้ช่วยอะไร ที่ Alan กินแล้วหายก็เพราะเค้าไม่ได้ติดเชื้อมาแต่แรกแล้ว และที่เค้าไม่ติดเชื้อเพราะเค้าไปไหนมาไหนกับชุดป้องกันที่หนาแน่นยิ่งกว่าชุดที่บุคลากรทางการแพทย์มีใส่ในโรงพยาบาลหรือห้องแล็บเองเสียอีก
ถ้าให้นั่งดูไปและทำ checklist ไป ก็คงได้พบว่า ตอนนี้สถานการณ์ COVID-19 ตรงกับในหนังปี 2011 นี้ไปแล้วเกินกว่าครึ่ง เช่น การปิดโรงเรียน ข่าวปลอม เชลฟ์ในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกกวาดเกลี้ยง ล็อคดาวน์ซิตี้ สนามบินร้าง ฯลฯ ส่วนความรุนแรงในระดับขั้นสูงกว่านั้นที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ก็ดูมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดขึ้นจริงตามต่อไปในเร็ววันนี้

ถึงแม้ไวรัส MEV-1 ในหนัง Contagion จะแลดูติดกันง่ายกว่า ออกอาการชัดกว่า และตายไวกว่า แต่ในหนัง เรากลับรู้สึกปลอดภัยกว่าตรงที่เราได้เห็นบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้ง CDC และ WHO ทำงานกันอย่างจริงจัง และรัฐบาลของเขาก็ออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม เช่น การแจกจ่ายอาหาร

ซึ่งถึงแม้ในหนังจะมีอาหารมาแจกจ่ายไม่พอจำนวนประชาชนจนเกิดจราจลขึ้น หรือการผลิตวัคซีนต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะแจกจ่ายให้ประชากรได้อย่างทั่วถึงกันทั่วโลกและต้องใช้ระบบแรนดอมในการจัดคิวเข้ารับวัคซีน แต่พูดตามตรงว่า มันก็ยังดูมีความหวังกว่าชีวิตจริงในประเทศที่เราอยู่

ประชาชนกำลังมืดแปดด้าน กลัวทั้งการเจ็บป่วยหรือตายจากโรคที่ยังไม่ค้นพบหนทางรักษา กลัวทั้งการตกงาน ภาระหนี้สิน และภาวะไม่มีอันจะกิน แต่ต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลที่แลดูพึ่งการสวดมนต์มากกว่าวิทยาศาสตร์หรือระเบียบมาตรการสากลตามที่ควรจะเป็น รวมถึงปกปิด บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลที่ไม่ชัดเจนกับประชน

ซึ่งไม่รู้ว่า เมื่อถึงวันนั้น รัฐบาลจะมีการจัดสรรงบประมาณและยื่นมือมาช่วยเหลือประชาชนอย่างไรบ้างไหม จะมีเสบียงให้เราไปต่อแถวรอรับเหมือนในหนังไหม และนอกจากนี้ ณ วินาทีนี้ เรายังไม่ได้รับสัญญาณว่าใกล้จะผลิตวัคซีนป้องกันและรักษา coronavirus สำเร็จในเร็ว ๆ นี้

ดังนั้น นี่อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้ ที่เราดูหนังไวรัสระบาดที่โคตรเรียล แต่ยังรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกจริง ณ วินาทีปัจจุบันนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าในหนัง เพราะผู้นำของเราไม่ได้น่าเชื่อถือเหมือนในหนัง และเรื่องของเรายังไม่เห็นทีท่าว่ามันจะสิ้นสุดที่ตรงไหนและเมื่อไหร่

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า ชีวิตจริงตอนนี้น่ากลัวกว่าในหนัง แต่ Contagion ก็ยังเป็นหนังไวรัสระบาดที่อยากแนะนำให้ดูที่สุด ณ ช่วงเวลานี้ เพราะมันอาจช่วยเราได้ในเรื่องการเตรียมตัวและระวังตัวมากขึ้นในการสัมผัสสิ่งของหรือเข้าใกล้ใคร “Stay home. Quarantine. Isolation. Social Distancing. Be safe.” และที่สำคัญอย่า panic หรือเชื่อทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ต จงระวังคนอย่าง Jude Law ในเรื่องไว้ และสุดท้าย เราต่างหวังว่า พวกเราจะก้าวข้ามผ่านมันไปด้วยกัน cr.kwanmanie