BIT

TECH : 5 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนมือถือใหม่ได้แล้ว

หลายคนมักจะใช้มือถือเครื่องเดียวเป็นเวลานานๆ แต่ไม่รู้ว่าควรเปลี่ยนเมื่อไหร่ดี ไม่ยากค่ะนี่คือ 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนมือถือใหม่ได้แล้ว

คนทั่วไปมักจะใช้งานสมาร์ทโฟน 2 ปีก่อนที่จะซื้อเครื่องรุ่นใหม่ ล่าสุดมีการสำรวจแล้วว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 22.7 เดือน (ซึ่งเมืองนอกนั้นจะมีระบบซื้อเครื่องราคาถูกติดสัญญากับเครือข่ายสองปี) แต่ในไทยเองหลายคนก็ใช้งานนานกว่านั้น แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าควรเปลี่ยนมือถือเมื่อไหร่ดี

1. ไม่สามารถรัน OS เวอร์ชั่นล่าสุดได้

ปกติแล้ว Android จะสามารถอัพเดทเป็น OS เวอร์ชั่นใหม่ได้ 2 ปี ส่วน iOS จะนานกว่านิดนึงคือ 3-4 ปี ถ้าหากมือถือเครื่องเก่าของคุณไม่สามารถอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ได้ก็ถือเป็นสัญญารแจ้งเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนเครื่อง เพราะระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดนอกจากจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆเพิ่มเข้ามาแล้วก็ยังเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้นด้วย ถ้าไม่สามารถลงได้นั่นหมายความว่าคุณมีความเสี่ยงต่อช่องโหว่ต่างๆที่แฮคเกอร์อาจนำมาใช้เจาะมือถือคุณได้

 ส่วนใครที่อยากรู้ว่ามือถือของคุณรองรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่รึไม่ก็ให้เข้าไปเช็คที่เว็บของผู้ผลิตนั้นๆ ถ้าไม่สามารถอัพเดทได้ก็ถึงเวลาเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่แล้วค่ะ

 

2. ประสิทธิภาพการทำงานตกลง

ถ้าหากประสิทธิภาพการทำงานของคุณตกลงอย่างมากเมื่อเทียบกับการใช้งานมือถือวันแรกๆ ใช้งานสะดุดเครื่องค้าง แอปเด้งอาจจะเป็นเพราะว่าฮาร์ดแวร์ในเครื่องเก่าเกินไปเป็นสัญญาณบอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วเช่นกัน แต่เราต้องแน่ใจก่อนนะว่าประสิทธิภาพการทำงานตกลงไปจริงๆเพราะหลายครั้งที่เครื่องทำงานช้าก็เพราะตัวผู้ใช้เอง อย่างเช่น เปิดแอปทำงานเบื้องหลังเยอะเกินไป มีไฟล์ขยะในเครื่องเยอะไป เป็นต้น ให้เราลองเคลียร์สิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่องออกก่อน หรือลอง Factoty Reset ดูถ้าทำแล้วไม่หายก็ถึงเวลามองหามือถือเครื่องใหม่แล้วล่ะ

 

3. แบตเตอรี่เสื่อม

แบตเตอรี่ถือเป็นอีกปัจจัยนึงที่ส่งผลต่อการใช้งาน ถ้าหากแบตเตอรี่ของคุณลดฮวบโดยที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย นั่นเป็นสัญญาณบอก ปกติแล้วแบตเตอรี่ lithium-ion จะมีรอบการใช้งานอยู่ เฉลี่ยเมื่อชาร์จครบ 1,000 รอบ ความจุสูงสุดของแบตเตอรี่ก็จะลดลง ทำให้เก็บประจุไฟได้น้อยลง ยิ่งความจุลดลงเท่าไหร่ก็จะมีแบตเ้หลือให้ใช้งานน้อยลงตามไปด้วย แต่ถ้ามือถือของคุณยังใช้งานได้ดี การเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่น่าจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่านะ

4. หน้าจอ burn-in

ถ้าหากหน้าจอของเครื่อทำงานผิดปกติก็ถึงเวลาเปลี่ยน เช่น ถ้าเป็นจอ OLED เกิดอาการ burn-in หรือมีภาพค้างติดที่จอนั้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานแน่นอน ส่วนจอ LCD นั้นจะไม่มีปัญหานี้

5. ตัวเครื่องภายนอกเสียหายจนส่งผลกระทบต่อการใช้งาน

ถ้าเครื่องของคุณตกพื้นมีแค่รอยบุบคงไม่เป็นไร แต่ถ้ามันส่งผลต่อการใช้งานอย่างหน้าจอแตก ก็ควรเปลี่ยนจอหรือไม่ก็เปลี่ยนเครื่องไปเลย เพราะกระจกหน้าจออาจบาดคุณได้สักวัน นอกจากนั้นการตกเองยังส่งผลต่อชิ้นส่วนภายในที่คุณมองไม่เห็น ซึ่งอาจทำให้ชิ้นส่วนบางชิ้นหลุดหรือย้ายจากตำแหน่งเดิมที่อาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติ แต่ถ้ามุมตกนั้นไปโดนกล้องหรือเซนเซอร์ต่างๆเสียหาย อันนี้ก็ควรเปลี่ยน

Credit : DailyGizmo