30 ตุลาคม วันวิภาต บุญศรี วังซ้าย

ชาวแม่โจ้ ร่วมรำลึก ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย อธิการบดีคนแรกของแม่โจ้ ผู้ให้วลีอมตะ “งานหนัก ไม่เคยฆ่าคน” ไว้แก่ลูกแม่โจ้ทุกคน

ชีวประวัติ
ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย
2459-2527

พ.ศ. 2459

ศาสตราจารย์ ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2459 ที่บ้านสันกลาง ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เป็นบุตรคนที่ 7 ของนายบุญมา (บุตรเจ้ามหาชัย วังซ้าย) และ นางบัวเกี๋ยง วังซ้าย
ต้นตระกูลของท่าน มาจากเชียงแสน ชื่อพระยาหัวเวียงแก้ว และบรรดาลูกชายซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของท่านคือ เจ้ามหาจักร์ เจ้ามหาชัย เจ้ามหาเทพ เจ้ามหาพรหม ทั้งหมดที่เอ่ยชื่อดังกล่าวถือเป็นต้นตระกูล “วังซ้าย”

เจ้ามหาจักร์นั้นสมรสกับธิดาของเจ้าวังซ้ายอันเป็นศักดินาเทียบวังซ้าย วังขวา แบบวังหน้าวังหลัง เมื่อเจ้าวังซ้ายทิวงคตลงในเวลาต่อมา เจ้ามหาจักร์ก็ได้รับการแต่งตั้งให้รับบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าวังซ้ายจากเจ้าหลวง เมืองแพร่ ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติใช้นามสกุลขึ้น ท่านจึงใช้ “วังซ้าย” เป็นนามสกุลสืบต่อมา
ส่วนเจ้าคุณปู่โดยตรงของท่าน คือเจ้ามหาชัย นั้นมีบุตรชายชื่อ บุญมา วังซ้าย คือบิดาของท่าน ศ.ดร. วิภาต

พ.ศ. 2476

ชีวิตเมื่อเยาว์วัย

ท่านเริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ชั้นมัธยมศึกษาเรียนที่โรงเรียนพิริยาลัย จังหวัดแพร่ จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จากนั้นท่านจึงเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ เข้าศึกษาต่อชั้นมัธยมปีที่ 7 ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2476

พ.ศ. 2477

ท่านเรียนอยู่ที่โรงเรียนยุพราชได้เพียงปีเดียว ก็ได้มีการจัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมแม่โจ้ขึ้นที่แม่โจ้ ท่านจึงย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมแม่โจ้ เป็นรุ่นแรก เมื่อปี พ.ศ. 2477 ซึ่งถือเป็นรุ่นบุกเบิกและสร้างแม่โจ้ โดยมีพระช่วงเกษตรศิลปการ (ช่วง โลจายะ) เป็นอาจารย์ใหญ่และหัวหน้าสถานีทดลองกสิกรรมแม่โจ้อีกด้วย ท่านย้ายมาเรียนแม่โจ้ก็เพราะเห็นว่า เมื่อจบการศึกษาที่แม่โจ้แล้วก็สามารถรับราชการในกระทรวงเกษตราธิการ มีโอกาสที่จะขยับขยายที่ทำงานและการเรียนต่อให้สูงขึ้นไปได้

พ.ศ. 2478

หลังจากเรียนจบ ในปี พ.ศ. 2478 อาจารย์วิภาต ได้เข้าบรรจุทำงานเป็นพนักงานเกษตกรรมผู้ช่วย ชั้น 2 ที่แผนกยาง กองขยายการกสิกรรม กรมเกษตรและการประมง จังหวัดสงขลา

พ.ศ. 2481

ท่านสามารถสอบชิงทุนหลวงเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศที่ฟิลิปปินส์ ในระดับปริญญาตรีที่คณะเกษตร มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ เมืองลอสบานยอส (University of the Philippines Los Banos : UPLB) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ โดยความช่วยเหลือสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ส่งทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลมาช่วยด้านการศึกษาที่คณะเกษตรและป่าไม้แห่งนี้ ท่านเลือกเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ ตามความต้องการของกรมเกษตรและการประมง โดยใช้เวลาศึกษาเพียงสามปีครึ่งก็จบการศึกษา

พ.ศ. 2484

ท่านได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนเตรียมเกษตรศาสตร์แม่โจ้ ในตำแหน่งอาจารย์ผู้ปกครองนานถึง 6 ปึ

พ.ศ. 2489

ภาพ อ.วิภาตฯ กับใบยาสูบ
ภาพ อ.วิภาตฯ กับใบยาสูบ

ท่านได้ลาออกจากราชการที่แม่โจ้ เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ และได้ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ในปี พ.ศ. 2491 มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ด้วยมรสุมทางการเมือง ท่านจึงอำลาชีวิตการเมือง ไปเป็นเกษตรกรทำไร่ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

พ.ศ. 2497

MJUARIMG_2016-11-04_000035
ภาพ อ.วิภาตฯ (ยืนแถวหน้า คนที่ 2 จากซ้าย) ณ สถานีกสิกรรม กรมการกสิกรรม

หลวงปราโมทย์ จรรยาวิภาต ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอาชีวศึกษาขณะนั้น ขอร้องให้ท่านไปช่วยแม่โจ้ซึ่งเป็นช่วงที่ขาดผู้บริหารโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ เพราะเสียดายวิชาความรู้ ความสามารถ อยากให้ไปช่วยปรับปรุงแม่โจ้ ท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่ชั้นเอก ของโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ กองโรงเรียนเกษตรกรรม กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

พ.ศ. 2499

กรมอาชีวศึกษาได้ปรับยกฐานะของโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้เป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ พร้อมกันนี้ก็ได้ปรับเลื่อนตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย  เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ ชั้นพิเศษ

พ.ศ. 2500

ภาพ อ.วิภาตฯ (ยืนขวา) และ อ.ประสงค์ วรยศ (ยืนซ้าย) ณ ต่างประเทศ

ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ ได้รับทุนดูงานในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจบโครงการดูงานก็ได้รับอนุมัติให้อยู่ศึกษาต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาโท (M.S.in Agriculture) จากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (Oklahoma State University) ปี พ.ศ. 2502

พ.ศ. 2518

12670571_973534369360726_2009226429199359304_n

วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ ได้รับการสถาปนาเป็น สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เป็นอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร (พ.ศ. 2518 – พ.ศ. 2526)

พ.ศ. 2527

15110984_10211335545854042_6491697581610477775_o

ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษ และรับ พระราช ทานปริญญา “เทคโนโลยีการเกษตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์” สาขาส่งเสริมการเกษตร อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ท่านได้ทำหน้าที่บริหารสถานศึกษาแม่โจ้เรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต (30 ตุลาคม 2527)

ชีวิตงานที่แม่โจ้

ภาพ ณ โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้ กรมอาชีวศึกษา น้องสาว และน้องเขย อ.วิภาต มาเยี่ยมที่แม่โจ้

อาจารย์ผู้ปกครอง
2484-2488

หลังจากสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ (BSA) จากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ลอสบานยอส (University of the Philippines Los Banos) เมื่อปี พ.ศ. 2484 ด้วยทุนรัฐบาลไทยแล้ว จึงถูกบรรจุให้รับราชการเป็นอาจารย์ในตำแหน่งอาจารย์ผู้ปกครอองของโรงเรียนเตรียมเกษตรศาสตร์แม่โจ้

อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ได้รับการเคารพยกย่องและเกรงอกเกรงใจจากนักเรียน ในฐานะที่ท่านเป็นนักเรียนเก่าแม่โจ้รุ่นแรก จึงอยู่ในฐานะรุ่นพี่ที่ศาสตราจารย์ ดร.พนม สมิตานนท์ ผู้อำนวยการขณะนั้นได้มอบหมายงานปกครองให้ท่านนทำ นอกเหนือจากการสอนตามปกติแล้ว

ท่านได้วางรูปแบบการปกครองนักเรียนอย่างพี่ปกครองน้อง เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งด้านความเป็นอยู่และการเรียน ได้ให้การช่วยเหลือเมื่อนักเรียนมีปัญหาต่างๆ บุคลิกท่านเป็นคนสุภาพ เป็นกันเองกับทุกคนจึงเป็นที่รักใคร่เมื่อได้พบปพใกล้ชิดท่าน ให้เวลากับนักเรียนที่สนใจการเรียนภาษาอังกฤษ จึงได้จัดกลุ่มนักเรียนสอนภาษาอังกฤษให้ในเวลาค่ำ เป็นการทำหน้าที่ครูและผู้ปกครองนักเรียนอย่างสมบูรณ์

อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้
2497-2499

          การเข้ารับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โดยได้รับคำเชิญจากอธิบดีกรมอาชีวศึกษา หลวงปราโมทย์ จรรยาวิภาต ผ่านทางพระช่วงเกษตรศิลปการ ขณะที่อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ทำฟาร์มอยู่ที่โคราชนั้น เป็นอีกช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้กลับมาอยู่ปกครองแม่โจ้

ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่
2499-2518

ในช่วงที่ท่านอาจารย์ได้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้อยู่นั้นได้มีเหตุการสำคัญเกิดขึ้น นับเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของแม่โจ้ วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ.2499 ณ บริเวณอาคารหลังใหม่ (อาคารประทีปเสน) นักเรียแม่โจ้ทุกคนแต่งกายในชุดนักเรียนเรียบร้อยด้วยกางเกงขายาวสีกากี เสื้อขาวแขนสั้น เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงพร้อมคาดเข็มขัด สวมรองเท้าหุ้มส้นสีน้ำตาล ถูกจัดให้ยืนแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งยาวเหยียดตั้งแต่ปากประตูรั้วเข้ามาจนถึงอาคารหลังใหม่ เพื่อร่วมกันต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ผู้มาเยือน คือ ฯพณฯ พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะ โดยได้อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนได้ให้การต้อนรับและพาคณะรัฐมนตรีตระเวณชมการฝึกปฏิบัติงานภาคสนามของพวกนักเรียนทุกชั้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชมแปลงผักฤดูหนาวที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบสวยงามอยู่เต็มพื้นที่อันกว้างขวงใหญ่โต

หลังคณะของรัฐมนตรีฯ กลับไปแล้วไม่นาน ก็ได้ทราบว่าท่านรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้กรมอาชีวศึกษาปรับยกฐานะ     ของโรงเรียนเกษตรกรรมแม่โจ้เป็นวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2499 และเริ่มเปิดหลักสูตรการเรียนต่อจากเดิมอีก 2 ปี (หลักสูตรประโยคครูมัธยมเกษตรกรรม (ปมก.)) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา พร้อมกันนี้ก็ได้ปรับเลื่อนตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ ชั้นพิเศษด้วย ส่วนการเรียกชื่อนักเรียนก็ได้เปลี่ยนเป็นนักศึกษาตั้งแต่ปี พ.ศ.2499 เป็นต้นมาเช่นเดียวกัน

อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรและสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้
2518-2526

เมื่อวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ได้รับการสถาปนาเป็นสถาบันเทคโนโลยีการเกษตร ตามพระราชบัญญัติฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2518 อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าดำรงตำแหน่งอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร ได้จัดแบ่งหน่วยงานตามพระราชบัญญัติฯ พ.ศ. 2518 ฉบับที่ 1 ให้เปิดการเรียนการรสอนในระดับปริญญาตรีเทคโนโลยีการเกษตรบัณฑิต มีอักษรย่อว่า ทก.บ โดยเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเป็น 3 สาขาวิชา คือ 1. พืชไร่ 2. พืชสวนประดับ และ 3. สัตว์ปีก ในคณะผลิตกรรมการเกษตรเป็นครั้งแรก

ได้เน้นให้นักศึกษามีความรอบรู้ ความชำนาญเฉพาะอย่างในสาขาวิชาชีพที่ถนัดเป็นการฝึกฝนบุคลากรทางการเกษตรในอนาคตให้เกิดประสบการณ์ในวิชาชีพเกษตรกรรมอย่างแท้จริง และเพื่อฝึกให้นักศึกษาเหล่านั้นพร้อมที่จะออกไปเป็นเกษตรกรและผู้นำในวิชาชีพการเกษตรได้อย่างมั่นใจ

นายกสมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้
2497-2522

การดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักเรียนเก่าแม่โจ้ของอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ได้ดำเนินติดต่อกันมายาวนานถึง 25 ปี ท่านได้ออกพบปะศิษย์เก่าแม่โจ้ในต่างจังหวัดอยู่สม่ำเสมอ ทำให้ทราบความต้องการและเข้าใจความนึกคิดของบรรดาศิษย์เก่าเหล่านั้นต่อสมาคมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการศึกษา การที่ท่านอยู่ตำแหน่งบริหารสถานศึกษาแม่โจ้และเป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าควบคู่กันไปทำให้สามารถกำหนดนโยบายต่างๆ ในการจัดทำหลักสูตร การเปิดประตูโอกาสให้แก่นักศึกษาอาชีวเกษตร ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาที่แม่โจ้ได้ เนื่องจากขณะนั้นผู้บริหารสถานศึกษาเกษตรกรรมต่างๆทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นศิษย์เก่าแม่โจ้เกือบทั้งสิ้น ความสำเร็จของการเรียกร้องให้มีพระราชบัญญัติยกฐานะวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ เป็นสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรเพื่อจัดการศึกษาในระดับปริญญาตรี ในช่วงปี พ.ศ. 2517-2518 นั้น ก็ได้รับแรงสนับสนุนจากศิษย์เก่าแม่โจ้เหล่านั้นอีกแรงหนึ่งด้วย

ในระยะเวลาที่ท่านอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ อยู่นั้น มีกิจกรรมของศิษย์เก่า สมาคมฯ และสถาบันฯ ผสมกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ศิษย์เก่ามีความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่อย่างเท้าเข้าแม่โจ้ และเมื่อท่านได้รับให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2518 นั้น ภาระงานบริหารในตำแหน่งได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ท่านจึงได้หารือกับคณะกรรมการสมาคมฯ และศิษย์เก่าแม่โจ้ เพื่อขอให้มีการเลือกนายกสมาคมนักเรียนเก่าแม่โจ้แทนท่านเพื่อบริหารงานของสมาคมฯ ได้อย่างเต็มที่

ชีวิตงานเกษตรกร ตำนาน “คนต้นแบบคาวบอยลูกแม่โจ้”

Page049
อาจารย์ บุญศรี วังซ้าย หันเหชีวิตไปทำฟาร์มปลูกผักส่งตลาดกรุงเทพ ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา อยู่ถึง 7 ปี นับตั้งแต่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี พ.ศ. 2491 ท่านเล่าว่าชีวิตในช่วงนั้นต้องต่อสู้กับระบบการตลาดเรื่องการขนส่ง ผลผลิตทางการเกษตรสู่ตลาดปลายทางที่กรุงเทพ แม้การผลิตจะได้ผลดีอย่างไร แต่หากต้องผ่านระบบการขนส่งซึ่งเป็นปัญหาด่านแรกที่จะนำผลผลิตออกสู่ตลาดได้ก็ไม่สดหรือทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตกแต่งสินค้าใหม่ นอกจากเสียค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้น้ำหนักของลดลงไปอีกด้วย

ในฟาร์มที่ท่านดูแลบริหารงานอยู่นั้น มียานพาหนะจำกัดเพื่อการขนส่งเท่านั้น การเดินทางตรวจงานหรือดูแลการทำงานของคนงานในฟาร์มมีเพียงจักรยานเท่านั้น ข้อจำกัดอันนี้เองทำให้ท่านต้องฝึกการขี่และบังคับม้าสำหรับทำงานจนสามารถขี่ม้าได้ในเวลาต่อมา กลับเป็นผลดีเพราะนอกจากไม่ต้องเปลืองน้ำมันแล้วจะต้องขี่ม้าเป็นคาวบอยไปรอบๆ ฟาร์ม

อาจารย์บุญศรี ทำงานหนักเพื่อแก้ปัญหางานผลิตในฟาร์มซ้าแล้วซ้ำเล่าทำให้ประสบการณ์ชีวิตท่านแข็งแกร่ง ทรหดอดทนในการทำงานไม่ท้อถอยและยอมแพ้ต่อปัญหา การดำเนินชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมาได้จึงทำให้เกิดปรัชญาความจริงของชีวิตซึ่งกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของลูกแม่โจ้ด้วยวลีอมตะของท่าน “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” จากประสบการณ์จริงแห่งชีวิตของคนต้นแบบคาวบอยลูกแม่โจ้ท่านนี้

องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (Future Farmers of Thailand: FFT : Maejo Chapter)


ก่อตั้งครั้งแรกในปรเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2504 ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ (แม่โจ้) โดยนำแนวคิดและการปฏิบัติดำเนินงานขององค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งอเมริกา (Future Farmer of America: FFA) มาปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับแนวการเรียนการสอนอาชีวเกษตรให้เหมาะกับประเทศไทย หน่วยแรกจัดตั้งและดำเนินงานที่แม่โจ้เรียกชื่อว่าองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย หน่วยแม่โจ้ (Future Farmers of Thailand: FFT : Maejo Chapter) นำโดยอาจารย์วิภาต บุณศรี วังซ้าย, อาจารย์ประสงค์ วรยศ, อาจารย์สุรพล สงวนศรี, อาจารย์บุญธรรม เทศนา, อาจารย์บุญ กล่อมจอหอ และอาจารย์สราญ เพิ่มพูล

โครงการเกษตรกรหนุ่มแห่งประเทศไทย (Young Farmers Pilot Project of Thailand)


อีกกิจกรรมหนึ่งที่อาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย ร่วมกับคณาจารย์จัดให้มีขึ้นครั้งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยขณะนั้น คือ โครงการเกษตรกรหนุ่มแห่งประเทศไทย (Young Farmers Pilot Project of Thailand : YTF) จัดตั้งขึ้นที่วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2510-2512 รวม 3 รุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนผู้ที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือ ม.ศ. 3 ทั่วไป ได้เข้ารับการฝึกอบรมความรู้พื้นฐานการเกษตร ที่เน้นฝึกปฏิบัติจริง มีระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปีการศึกษา โดยมีคณาจารย์ของแม่โจ้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร และความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พวกเด็กหนุ่มที่เข้ารับการฝึกอบรมจะถูกเรียกขานว่า “ยังฟาร์มเมอร์” ตามชื่อภาษาอังกฤษของโครงการ