“กษัตริย์ติดดิน” พระราชาผู้ไม่ยืนค้ำหัวราษฎร

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงเล่าถึงการตั้งพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ในหนังสือ “เจ้านายเล็ก ๆ ยุวกษัตริย์” ว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า)เคยมีรับสั่งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึง

ความหมายของพระนาม “ภูมิพล” ไว้ว่า

“อันที่จริงเธอก็ชื่อภูมิพล ที่แปลว่า กำลังของแผ่นดิน แม่อยากให้เธออยู่กับดิน”

พระเจ้าอยู่หัวไม่ยอมให้ไปยืนค้ำหัวพูดกับราษฎร ถ้ายิ่งเป็นเวลานาน ท่านต้องการให้นั่งลงพูดกับเขา ข้าพเจ้าก็คลานรับประชาชนตลอดเลย เป็นกิโลฯเลย ท่านมาดูหัวเข่าข้าพเจ้าเดี๋ยวนี้สิ ดำปี๋เลย

เป็นภาพชินตาพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดกับภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯ ออกเยี่ยมราษฎร และปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ทั่วประเทศรวมถึงพื้นที่ทุรกันดารไกลปืนเที่ยง พระองค์จะโน้มตัว คุกเข่า ย่อตัว ประทับลงไปกับพื้นดิน ถามไถ่ทุกข์สุขชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง อย่างไม่ถือพระองค์ หายากยิ่งเหลือเกินที่จะมี พระเจ้าแผ่นดินผู้สูงศักดิ์ ที่ใกล้ชิดติดดินกับประชาชนขนาดนี้ ราวกับว่า ฟ้าจะคอยโอบอุ้มดินไว้อยู่เสมอ

แม้แต่วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของในหลวง ร.๙ ยังเป็นวัน “ดินโลก” (World Soil Day) สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ปรากฏผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและนานาชาติ

ต่อมาภายหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชปรารภถึงสิ่งที่สมเด็จย่าเคยรับสั่งว่า 



“เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็กลับมาคิด ซึ่งแม่ก็คงจะสอนเรา และมีจุดมุ่งหมายว่า

อยากให้เราติดดิน และอยากให้ทำงานให้ทำงานแก่ประชาชน”

นั่นคือปณิธานขององค์พระมหากษัตริย์ “ภูมิพล” ที่ไม่เคยละทิ้งประชาชนตลอดระยะเวลาการครองราชสมบัติอันยาวนาน 70 ปี แม้ในยามประชวรก็ยังทรงงานตลอดเวลา พระราชหฤทัยมีแต่ความห่วงใยความเป็นอยู่ของพสกนิกร แพทย์ผู้ถวายการรักษาเคยเล่าว่า ในหลวงทรงติดตามข่าวสารความทุกข์ร้อนของประชาชนจากทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทีวี หรืออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ยังทรงทอดพระเนตรภาพถ่ายทางอากาศทุกวันด้วย

“ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

พระเจ้าแผ่นดินใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน 



นอกจากเป็นกษัตริย์ติดดินแล้ว พระองค์ท่านยังเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ที่ไม่ติดหรู ไม่สนพระทัยแบรนด์เนม ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน ดั่งที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงให้สัมภาษณ์ถึงความไม่สนพระทัยเรื่องการแต่งพระองค์ เพราะสนพระทัยแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า

ทว่า ภาพสุดคลาสสิคที่ขึ้นแท่นในดวงใจของชาวไทยนั้น เป็นภาพของคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ หญิงชราวัย ๑๐๒ ปี ชาว จ.นครพนม ที่ไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวน ๓ ดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่ายแสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย

วินาทีที่ในหลวง ร.๙ เสด็จมาถึง พระองค์ตรงมาที่คุณยายตุ้ม จากนั้นคุณยายตุ้มได้ยกดอกบัวสายสีชมพูอันโรยรา ๓ ดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยายตุ้ม ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของคุณยายอย่างนุ่มนวล 



“ภาพของพ่อหลวงกับคุณยายนี้จะยังตราตรึงอยู่ในหัวใจประชาชนชาวไทยไปตราบนานเท่านาน”

 

ขอบคุณที่มา : MGR Online