เรามักได้ยินอยู่เสมอว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน ซึ่งเท่ากับปริมาณ 1.2 ลิตร หรือ 1,200 มิลลิลิตร ขณะที่ปริมาณน้ำที่ควรบริโภคตามที่แพทย์แนะนำเพื่อสุขภาพที่ดีนั้นอยู่ที่ 2 ลิตรต่อวัน หรือ 2,000 มิลลิลิตร แต่ให้รวมถึงน้ำที่มาจากอาหาร หรือเครื่องดื่มต่างๆ ด้วย
นั่นหมายความว่า ชา และกาแฟ ก็ถูกนับรวมเป็นน้ำที่ดื่มเข้าไปด้วย แม้ว่าจะมีคาเฟอีนอยู่ แต่ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะอยู่ดี เช่นเดียวกับน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่นับรวมด้วยเช่นกัน แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณน้ำตาล และปริมาณแคลอรี่จากเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นพิเศษ หากไม่อยากให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา
ทั้งนี้ สิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดหรือบอกเราได้ว่า ดื่มน้ำในแต่ละวันเพียงพอแล้วหรือยัง คือ “สีของปัสสาวะ” หากดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ สีของปัสสาวะจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ แต่ถ้าปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม นั่นหมายความว่า เราดื่มน้ำน้อยเกินไป
นอกจากนี้ อาการเหนื่อยล้า ปวดศีรษะ และไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน ก็เป็นสัญญาณเตือนด้วยเช่นกันว่า ร่างกายอยู่ในสภาวะที่เริ่มขาดน้ำแล้ว เพราะฉะนั้นควรจะหากระบอกน้ำไว้ติดตัวเสมอ เพื่อดื่มให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ
ขณะที่การดื่มน้ำมากเกินไปก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะ “น้ำเป็นพิษ” ได้ ซึ่งจะทำให้เกลือโซเดียมในเลือดต่ำกว่าระดับปกติ ส่งผลให้มีน้ำส่วนเกินคั่งค้างอยู่ในร่างกายมากเกินกว่าที่ขับออกได้
วิธีการดื่มน้ำและประโยชน์ของน้ำ
ควรดื่มน้ำตอนเช้าหลังตื่นนอนประมาณ 2-3 แก้ว ในระหว่างวันควรดื่มน้ำ 1 แก้วทั้งก่อนและหลังมื้ออาหารทุก ๆ มื้อ ช่วงสาย บ่าย เย็น ก็ควรดื่มน้ำอีกครั้งละ 1 แก้ว และก่อนนอนควรดื่มน้ำอุ่น ๆ อีกสัก 1 แก้วจะดีมาก น้ำจะไปช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ขาดน้ำ และทำงานได้อย่างเป็นปกติ ช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้สุขภาพผิวดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งสดใส ป้องกันการเกิดริ้วรอยและชะลอความแก่ เห็นประโยชน์ของน้ำมากมายขนาดนี้ จะมัวรออะไร รีบหยิบน้ำมาดื่มกันเลย!!