เกมการแข่งขันของเหล่าทวยเทพสู่การออกแบบสนามกีฬาที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ในโลกของเรานั้น ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ปัญหาของอะไรบางสิ่งบางอย่าง
เราจึง คิด วิธีการที่จะแก้ปัญหาเพื่อมุ่งไปข้างหน้าสู่อนาคตโดย สร้าง เส้นทางในการก้าวไปข้างหน้า และต่อให้คิดและสร้างแล้ว ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จหากพวกเรายังไม่ได้ “ออกแบบ” เส้นทางดังกล่าวนั้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกแบบในที่นี้ไม่ใช่แค่การออกแบบในเชิงรูปธรรม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่หมายถึงการออกแบบในเชิงโครงสร้าง ออกแบบวิธีคิด และวิธีการทำงาน ด้วยเหตุนี้ต่อให้เจอปัญหาก็สามารถใช้กระบวนการคิดและออกแบบวิธีแก้ปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส กันครับ
Photo by Paris 2024 

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงวัฒนธรรม เทคโนโลยี และความก้าวหน้าของประเทศเจ้าภาพอีกด้วย ในปีนี้ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อนครั้งที่กรกฎาคม ถึง 11 สิงหาคม 2024

การออกแบบสนามกีฬาสำหรับโอลิมปิกเกมส์ จึงสำคัญ ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับสถาปนิกและนักออกแบบ เนื่องจากต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ประโยชน์ใช้สอย ความปลอดภัย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้งานหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง นอกจากนี้ ยังต้องสะท้อนถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของกรุงปารีสและประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยโดยเราจะเริ่มจากการทบทวนประวัติศาสตร์และพัฒนาการของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากนั้นจะลงลึกในรายละเอียดของแนวคิดการออกแบบ การเลือกสถานที่ และการออกแบบสนามกีฬาแต่ละแห่ง นอกจากนี้ เราจะพูดถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในการออกแบบ รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแนวทางในการสร้างความยั่งยืน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความซับซ้อนและความท้าทายในการออกแบบสนามกีฬาสำหรับมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิกเกมส์ และเห็นถึงความพยายามของทีมออกแบบในการสร้างสรรค์สนามกีฬาที่ไม่เพียงแต่สวยงามและมีประสิทธิภาพ แต่ยังคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ประวัติและความเป็นมาของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิก

การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางสถาปัตยกรรม เทคโนโลยี และแนวคิดในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เราจะย้อนกลับไปดูพัฒนาการของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

  1. โอลิมปิกในยุคโบราณ (776 ก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 393)

โอลิมปิกเกมส์มีจุดกำเนิดในเมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีซโบราณ โดยสนามแข่งขันแรกเป็นเพียงลานกว้างธรรมชาติที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสมกับการแข่งขัน ต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นสนามกีฬาที่มีโครงสร้างชัดเจนมากขึ้น สนามกีฬาโอลิมเปียโบราณ (Ancient Olympic Stadium) เป็นสนามวิ่งรูปตัวยู ยาวประมาณ 200 เมตร มีที่นั่งสำหรับผู้ชมบนเนินดินโดยรอบ สามารถรองรับผู้ชมได้ประมาณ 45,000 คน นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น วิหารเซอุส (Temple of Zeus) และสถานที่ฝึกซ้อมสำหรับนักกีฬา
Photo by Getty Images

  1. การฟื้นฟูโอลิมปิกสมัยใหม่ (ค.ศ. 1896)

หลังจากที่โอลิมปิกเกมส์ถูกยกเลิกไปในสมัยจักรพรรดิธีโอโดเซียสที่ 1 แห่งโรมัน ในปี ค.ศ. 393 การแข่งขันได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นอีกครั้งในปี ค.ศ. 1896 โดยบารอน ปิแอร์ เดอ คูแบร์แตงโอลิมปิกเกมส์สมัยใหม่ครั้งแรกจัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ โดยใช้สนามพานาธีไนอิก (Panathenaic Stadium) ซึ่งเป็นสนามกีฬาโบราณที่ได้รับการบูรณะใหม่ สนามนี้สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมด มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้า สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 80,000 คน

  1. ยุคเริ่มต้นของโอลิมปิกสมัยใหม่ (ค.ศ. 1900-1932)

ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกยังไม่ได้มีรูปแบบที่ชัดเจนนัก ส่วนใหญ่เป็นการปรับใช้สนามกีฬาที่มีอยู่แล้วหรือสร้างสนามแบบชั่วคราว

  • โอลิมปิก 1900 (ปารีส): ไม่มีสนามกีฬาหลัก ใช้สถานที่หลายแห่งในการแข่งขัน
  • โอลิมปิก 1908 (ลอนดอน): White City Stadium เป็นสนามกีฬาถาวรแห่งแรกที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับโอลิมปิก
  • โอลิมปิก 1912 (สตอกโฮล์ม): Stockholm Olympic Stadium เป็นสนามกีฬาที่ยังคงใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน
  1. ยุคโมเดิร์น (ค.ศ. 1936-1980)

ช่วงนี้เป็นยุคที่การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเริ่มมีความทันสมัยและมีเอกลักษณ์มากขึ้น สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรม

    • โอลิมปิก 1936 (เบอร์ลิน): Olympiastadion Berlin เป็นสนามขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้แสดงถึงอำนาจของนาซีเยอรมนี
    • โอลิมปิก 1964 (โตเกียว): Yoyogi National Gymnasium ออกแบบโดย Kenzo Tange เป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น
    • โอลิมปิก 1972 (มิวนิก): Munich Olympiastadion มีหลังคาโค้งที่เป็นเอกลักษณ์ ออกแบบโดย Frei Otto

Photo by Ras67/WikiCommons

  1. ยุคหลังสมัยใหม่และความยั่งยืน (ค.ศ. 1984-ปัจจุบัน)

ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกเริ่มให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการใช้งานหลังการแข่งขันมากขึ้น

      • โอลิมปิก 1984 (ลอสแอนเจลิส): เน้นการใช้สนามกีฬาที่มีอยู่แล้ว เช่น Los Angeles Memorial Coliseum
      • โอลิมปิก 2000 (ซิดนีย์): Stadium Australia (ปัจจุบันคือ ANZ Stadium) ออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนความจุได้หลังจบการแข่งขัน
      • โอลิมปิก 2008 (ปักกิ่ง): Beijing National Stadium หรือ “รังนก” เป็นสนามที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น แต่ก็เผชิญปัญหาการใช้งานหลังการแข่งขัน
      • โอลิมปิก 2012 (ลอนดอน): London Olympic Stadium ออกแบบให้สามารถลดขนาดได้หลังจบการแข่งขัน และปัจจุบันใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮม ยูไนเต็ด

    Photo by Iwan Baan

  1. แนวโน้มในปัจจุบันและอนาคต

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกมีแนวโน้มที่ชัดเจนดังนี้

  1. a) ความยั่งยืน: เน้นการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. b) ความยืดหยุ่น: ออกแบบสนามให้สามารถปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปแบบการใช้งานได้หลังจบการแข่งขัน
  3. c) การใช้เทคโนโลยี: นำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการออกแบบและบริหารจัดการสนาม เช่น ระบบ AI, IoT, และ 5G
  4. d) การสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น: ออกแบบให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของประเทศเจ้าภาพ
  5. e) การใช้สถานที่ที่มีอยู่แล้ว: เน้นการปรับปรุงและใช้ประโยชน์จากสนามกีฬาที่มีอยู่แล้ว แทนการสร้างใหม่ทั้งหมด
  6. f) ความเท่าเทียมและการเข้าถึง: ออกแบบให้ผู้ชมทุกกลุ่ม รวมถึงผู้พิการ สามารถเข้าถึงและใช้งานสนามได้อย่างสะดวก
  7. บทเรียนจากอดีต

การศึกษาประวัติศาสตร์การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกทำให้เราได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญหลายประการ

  1. a) ปัญหา “ช้างเผือก”: หลายเมืองเจ้าภาพประสบปัญหาสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานหลังจบการแข่งขัน เช่น หลายสนามในกรีซหลังโอลิมปิก 2004 หรือ “รังนก” ในปักกิ่งที่มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง
  2. b) ความสมดุลระหว่างความยิ่งใหญ่และความยั่งยืน: การสร้างสนามที่อลังการอาจดึงดูดความสนใจได้ในระยะสั้น แต่อาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว
  3. c) ความสำคัญของการวางแผนระยะยาว: การออกแบบต้องคำนึงถึงการใช้งานหลังการแข่งขัน และผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ
  4. d) การปรับตัวตามบริบททางสังคมและเศรษฐกิจ: การออกแบบสนามกีฬาต้องสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความต้องการของสังคมในแต่ละยุคสมัย
  5. กรณีศึกษา: โอลิมปิก 2020 (2021) โตเกียว

โอลิมปิกโตเกียว 2020 (จัดขึ้นในปี 2021 เนื่องจากการระบาดของโควิด-19) เป็นตัวอย่างล่าสุดของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกที่เน้นความยั่งยืน

      • Japan National Stadium: ออกแบบโดย Kengo Kuma ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม
      • การใช้สนามที่มีอยู่แล้ว: หลายการแข่งขันจัดในสนามที่สร้างไว้ตั้งแต่โอลิมปิก 1964
      • สนามชั่วคราว: มีการสร้างสนามชั่วคราวหลายแห่ง เช่น สนามบาสเกตบอล 3×3 ที่สามารถรื้อถอนได้หลังจบการแข่งขัน

    Photo by Taisei Corporation, Azusa Sekkei Co., Ltd. , Kengo Kuma and Associates Joint Venture

ประวัติศาสตร์การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางสถาปัตยกรรม เทคโนโลยี และแนวคิดในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก จากสนามกีฬาโบราณในกรีซที่เรียบง่าย สู่โครงสร้างอันซับซ้อนและทันสมัยในปัจจุบัน การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาอย่างมาก

ในยุคแรกของโอลิมปิกสมัยใหม่ การออกแบบมุ่งเน้นที่ความยิ่งใหญ่และการแสดงออกถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องความยั่งยืนได้เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น เมืองเจ้าภาพต่างๆ ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตและพยายามหาสมดุลระหว่างการสร้างสนามที่น่าประทับใจกับการคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยในระยะยาว

ปัจจุบัน การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การสร้างสถานที่สำหรับการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่นในระยะยาว นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ชม

การศึกษาประวัติศาสตร์การออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกช่วยให้เราเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในการออกแบบสนามกีฬาสำหรับมหกรรมกีฬาระดับโลก บทเรียนจากอดีตเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิกในอนาคต

ในส่วนต่อไป เราจะเจาะลึกเข้าไปในแนวคิดหลักของการออกแบบสนามกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส เพื่อดูว่าเมืองหลวงของฝรั่งเศสจะนำบทเรียนจากอดีตและแนวโน้มปัจจุบันมาประยุกต์ใช้อย่างไรในการสร้างสรรค์สนามกีฬาที่ทั้งสวยงาม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ติดตามได้ในบทความ ตอนต่อไป เร็วๆนี้

อ้างอิง:
olympics.com
2024 International Olympic Committee.
thestandard.co/life/olympic-games-paris-2024-guide/