The Haunting of Bly Manor : บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Mike Flanagan
ผู้เขียนบท: The work of Henry James
นักแสดงนำ: Victoria Pedretti, Oliver Jackson-Cohen, Amelia Eve, T’Nia Miller, Rahul Kohli
ความยาว: 44-46 นาที ต่อ episode
แนว/ประเภท: Horror | Drama | Supernatural
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Netflix
จากซีรีส์ ฮิลล์เฮาส์ บ้านกระตุกขวัญ ของ Mike Flanagan ผู้กำกับหนังผียุคใหม่ที่มีลีลาการนำเสนอหนังผีที่เฉพาะตัวและโดดเด่น ทั้งในฉากหลอนและการเล่าเรื่อง ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีหรือที่ทาง Netflix จะไม่เข็นภาคต่อออกมาในอีกสองปีให้หลัง
ในภาคนี้จะไม่ใช่เนื้อเรื่องแยกของภาคแรก หรือภาคต่อ มันจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย แต่เรียกได้ว่าเป็นธีมเรื่องเดียวกันนั่นก็คือ สถานที่สุดเฮี้ยนชวนหลอน จากฮิลล์เฮาส์ ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์บลาย (Bly Manor)
ในภาคนี้จะเล่าเรื่องในประเทศอังกฤษ เมื่อพี่เลี้ยงเด็กจากอเมริกา แดนี่ เคลย์ตัน กำลังหางานทำ ก็ดันไปสะดุดกับป้ายประกาศหาพี่เลี้ยงเด็กของคฤหาสน์บลาย ที่มีพี่น้องกำพร้าชายหญิงต้องได้รับการดูแล เนื่องจากในอดีตเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับพ่อแม่ของพวกเขา แถมพี่เลี้ยงเด็กคนก่อนก็เกิดโศกนาตกรรมขึ้นทำให้ไม่มีใครกล้าสมัครไปทำงานที่นี่ แดนี่จึงได้รับงานพี่เลี้ยงเด็กนี้ไป
แต่แล้วกว่าเธอจะรู้ตัว ก็ได้พบกับเหตุการณ์แปลกๆ ทั้งพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของเด็กทั้งสองคน อดีตของคฤหาสน์ รวมไปถึงอดีตของตัวแดนี่เองที่ค่อยๆ ตามหลอกหลอนเธอ ซึ่งที่คฤหาสน์ก็จะมีทั้งพ่อครัว แม่บ้าน และคนสวนสาวคอยรับใช้ที่นี่อยู่
เรื่องราวจะอยู่ในยุคประมาณปี 80 ตัวเรื่องก็จะค่อยๆ เล่าเรื่องในแบบค่อยเป็นค่อยไป ผ่านทางตัวละครหญิงชราคนหนึ่ง(ซึ่งรับบทเป็นแม่ของภาคที่แล้ว) ถึงการมาของพี่เลี้ยงเด็กคนนี้ เริ่มจากดราม่าของความดื้อของเด็กสองคนที่ต้องเรียนโฮมสคูลเพราะมีปัญหาที่โรงเรียน จึงต้องการพี่เลี้ยงเด็ก ส่วนคุณอาเฮนรี่ที่เป็นคนในครอบครัวก็เอาแต่ทำงาน ทำให้ที่คฤหาสน์บลายมีแต่คนรับใช้ คอยช่วยเลี้ยงดูเด็กทั้งสองคน นั่นก็คือ ฟลอร่า และ ไมลส์
แต่บางทีเด็กทั้งสองคนก็ชอบทำตัวแปลกๆ อย่างไมลส์เองบางทีก็เหมือนจะทำตัวแก่แดดดูเป็นผู้ใหญ่ อารมณ์ฉุนเฉียว ส่วนฟลอร่า เธอมีอาการละเมอ ชอบคุยกับเพื่อนในจินตนาการ และมีบ้านตุ๊กตาที่จำลองคฤหาสน์ไว้ทั้งหลังด้วย ในแต่ละห้องก็มีจำลองก็มีตุ๊กตาท่าทางแปลกๆ หลอนๆ วางไว้ตามแต่ละจุด
เมื่อแดนี่เริ่มทำความคุ้นเคยกับคฤหาสน์แห่งนี้ เธอดันเห็นเงาของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยของอาเฮนรี่ที่หายตัวไปหลังจากยักยอกเงินในบัญชี ปรากฏตัวออกมา สร้างความหวาดผวาให้กับทุกคนในบ้าน แดนี่จึงต้องสืบหาว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ รวมไปถึงการหาความจริงเกี่ยวกับพี่เลี้ยงเด็กคนก่อนหน้าว่ามันเกิดโศกนาฏกรรมอะไรขึ้นที่นี่
เนื้อเรื่องคร่าวๆ ของซีรีส์ จะประมาณนี้ เพราะมันจะค่อยๆ ดำเนินไปเรื่อยๆ เป็นเส้นตรง มีแฟลชแบคอดีตของแต่ละตัวละครเพื่อเล่าเสริมในส่วนดราม่าที่ยังคงทำได้ดี เนื้อเรื่องน่าติดตาม แต่ภาคนี้ใช้เวลาปูเรื่องตัวละครนานมากๆ ทำให้ดูไปชวนง่วงไป ถ้าไม่ชอบแนวบรรยายเรื่องนานๆ นี่อาจจะหลับคาจอระหว่างดู ถ้าหากเทียบกับภาคแรกคือนำเสนอคนละแบบ คนละชั้นจนชวนสงสัยว่า ผู้สร้างเดียวกันจริงๆ เหรอ?
สิ่งที่ผู้ชมอยากจะรู้ก่อนดูนั่นก็คือความน่ากลัว ความหลอน ที่ภาคที่แล้วอย่างฮิลล์เฮาส์ ได้ใส่เต็ม จัดเต็มทุกตอน ทุกฉาก จนหัวใจแทบวาย แต่พอมาภาคบลายเมเนอร์แล้วความสยองขวัญตรงนี้จะไปอยู่ที่บรรยากาศแทน ฉากผี ฉาก Jumpscare ฉากชวนหลอน หักมุม ตกใจ สู้ภาคแรกไม่ได้เลยสักนิด ดีกรีความหลอนน้อยกว่ามาก ถ้าให้คะแนนความถี่ฉากผีที่โผล่มาคือ 2/10 และความน่ากลัวคือ 1/10 (มี Jumpscare บ้าง แต่เตรียมตัวได้ ไม่ติดตา เฉยๆ)
จุดเด่นของภาคที่แล้วคือการนำเสนอ ฉากน่ากลัวเป็นการสับขาหลอกคนดู และนำเสนอแบบหักมุมจนคนคาดไม่ถึง ผีตุ้งแช่แบบมีชั้นเชิงหลอกแล้วหลอกอีก พอมาในภาคนี้เสน่ห์ที่ว่ากลับหายไปแทบไม่เหลือกลิ่นอาย เป็นที่น่าเสียดายมาก
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดหนึ่งแล้ว ปมต่างๆ ที่วางไว้เริ่มเฉลย กลับกลายเป็นว่ามันไม่มีอะไรชวนให้รู้สึกว้าวได้แบบภาคแรก เรียบเฉย เดาทางได้ง่ายๆ ไม่มีชั้นเชิงเลย ถือว่าธรรมดามาก ไม่เฉพาะเมื่อเทียบกับภาคเก่า ถ้าเทียบกับหนังผีดราม่าทั่วไปก็ยังรู้สึกธรรมดา ส่วนเรื่องก็จะดำเนินไปจากหนังผีก็จะมีความรักมาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ตั้งแต่ช่วงกลางถึงจบ เฉลยปม กลายเป็นเรื่องของความรัก ทั้งรักต้องห้าม เพศเดียวกัน รักแบบผีกับคน ซึ่งทำออกมาได้เรียกว่า ไม่ดี แต่ก็ไม่แย่ ยังดูสนุก เรื่องราวโดยรวมยังน่าติดตาม
ที่เนื้อเรื่องมันเดาทางง่ายเพราะเขาได้ใช้มุกเก่า ที่เคยใช้ในภาคที่แล้วอย่างการรับรู้ที่ผิดเพี้ยนของกาลเวลา แต่มาเล่าในมุมมองใหม่ ซึ่งมันก็เคยนำเสนอมาแล้วแต่เปลี่ยนมุมมองเพียงนิดเดียวเอง ถ้าหากใครเคยดู Castle Rock หรือฮิลล์เฮาส์มาคือเดาทางเรื่องได้ไม่ยากเท่าไหร่
จุดดีที่ภาคนี้เล่าเรื่องอาจจะไม่ซับซ้อนมาก เน้นขายดราม่า นำเสนอความรักรูปแบบต่างๆ ลดทอนฉากสยองขวัญ ก็อาจจะเหมาะกับผู้ชมหน้าใหม่ที่อยากจะลองดูซีรีส์ผี มันเลยทำให้ปมต่างๆ ทั้งในเรื่อง ในคฤหาสน์ ไม่ได้ทิ้งเป็นปริศนาปลายเปิด หรือให้ตีความแบบภาคแรก คือปมทุกอย่างเฉลยหมด ทั้งประวัติต่างๆ ของบ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างเฉลยหมดไม่มีค้างคา อันนี้ต้องขอชมว่าทำได้ดีตรงนี้
แต่กลับกัน เสน่ห์ต่างๆ จากภาคแรกหายไปเยอะมาก จนทำให้แฟนภาคแรกที่คาดหวังกับความขนหัวลุก การนำเสนอเรื่องและหักมุมที่คาดไม่ถึง ฉากสยองตรึงตา ดราม่าที่เข้มข้น ไม่มีเลยในภาคนี้ เหมือนคาดหวังมากเกินไป
แต่กิมมิคจากภาคแรกอย่างผีแอบซ่อนอยู่ในทุกฉากก็ยังมีอยู่ ลองสังเกตุดีๆ ดูว่ามีผีฉากไหนบ้าง ซึ่งมันจะไม่โผล่มาตรงๆ ใช้การสังเกตุเอาล้วนๆ ส่วนผีที่โผล่มาตรงๆ ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น (ภาคแรกน่ากลัวกว่าเยอะ)
ส่วนนักแสดงอย่าง Victoria Pedretti (เนลจากภาคก่อน หรือ Love จากเรื่อง YOU) ก็ยังคงสวยและมีเสน่ห์มากๆ เหมือนเดิม และขอชมนักแสดงเด็กที่รับบทสองพี่น้องที่แสดงได้ดีและเข้าถึงบทบาท
ถือว่าผู้สร้างได้จงใจนำเสนอเรื่องราวแบบใหม่ของเรื่องผี ที่ทำให้เสน่ห์จากภาคแรกหลายๆ อย่างหดหายลงไป คงไว้เพียงความดราม่าที่ดูสนุก แต่ไม่เข้มข้นจนชวนขมวดคิ้วแบบภาคแรก และฉากผีที่ดูไม่หลอน ไม่น่ากลัว ออกมาน้อย จนเราแทบจะไม่คิดว่าเป็นเรื่องผีด้วยซ้ำจนกว่าจะถึงช่วงท้ายๆ ในฐานะแฟนของภาคแรก ที่ดูแล้วประทับใจในทุกๆ อย่าง พอมาภาคนี้ต้องขอพูดเลยว่า น่าผิดหวัง เพราะฉะนั้นถ้าจะดูก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่ซีรีส์ผีชวนขนหัวลุกแบบภาคแรก แต่เป็นซีรีส์รัก ดราม่า ที่มีผีเป็นองค์ประกอบ น่าจะเหมาะกว่า
รับชม The Haunting of Bly Manor ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้