
วันที่ 15 มกราคม 2563 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ รศ.ดร.วีระพล ทองมา รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศ.ดร.อานัฐ ตันโช ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกันเก็บเกี่ยวดอกกัญชาทางการแพทย์สายพันธุ์ไทยช่อดอกแรก พร้อมปลูกกัญชานอกโรงเรียนเชิงอุตสาหกรรม ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมการแพทย์องค์การเภสัชกรรมและมหาวิทยาลัยแม่โจ้
นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่กำลังเดินหน้ากันอยู่นี้ เคยถูกมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่มาถึงปัจจุบัน สามารถสยบข้อครหาเหล่านั้นได้ เพราะได้ความร่วมมือจากนายแพทย์ และบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยมีคนจำนวนมากที่ประสบความทุกข์จากการนอนไม่หลับ ไมเกรน พาร์กินสัน มะเร็ง ลมชัก ทั้งหมดต้องการทางเลือกในการรักษา ซึ่งกัญชา คือหนึ่งในทางเลือกนั้น อาจจะรักษาไม่หายขาด แต่การได้กินอื่น นอนหลับ ก็ย่อมดีกว่าต้องทุกข์ทรมาน
ที่ผ่านมาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้นโยบายเดินต่อไปได้ ล่าสุดให้ภาครัฐทำ MOU กับ ม.แม่โจ้ พัฒนาการปลูกทั้งในโรงเรือน นอกโรงเรือน หวังจะให้เป็นต้นแบบให้ประชาชนปฏิบัติตาม ถ้าสารสกัดจากกัญชาที่ผลิตโดยภาครัฐ ได้รับความนิยม อนาคตเราจะเห็นความร่วมมือระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย กัญชาจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ
การที่นโยบายได้รับความร่วมมือจากนายแพทย์ และบุคลากรในกระทรวงจึงส่งผลให้เกิดความสำเร็จเป็นรูปธรรม ตอนนี้เปิดคลินิกกัญชาแผนไทยที่กระทรวงฯ มีคนมาจองคิวรักษา 7-8 พันคน และเพิ่มขึ้นทุกวัน ถือว่าประสบความสำเร็จ ที่นี่แพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันต้องบูรณาการการทำงาน ส่วนคนไข้ที่มารับบริการ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการรักษาได้ผล สิ่งที่สมควรเกิดขึ้นในอนาคต คือให้สังคมมองว่ากัญชาคือยา ถ้าใช้ถูกวิธีก็รักษาโรคได้
ทั้งนี้ เคยคุยกับชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในประเทศที่กัญชาถูกกฎหมาย ได้ให้ข้อมูลว่าการจะให้กัญชาเป็นที่ยอมรับต้องควบคุมกัญชาให้อยู่ในกรอบ รู้ว่าปลูกพันธุ์ไหน ใครปลูก ปลูกเท่าไร คุณภาพเป็นอย่างไร
“สำหรับนโยบาย 6 ต้น กฎหมายอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร การเป็นผู้แทนราษฎร ทำงานเพื่อประชาชน ก็ไม่ควรขัดขวางสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็หวังว่ากฎหมาย 6 ต้น จะผ่านสภาอย่างเร็วที่สุด”
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ช่อดอกกัญชาแห้งที่ปลูกโดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะเป็นวัตถุดิบในการผลิตขององค์การเภสัชกรรม ถูกจัดส่งตามแนวทางมาตรฐานการขนส่งที่ดี หรือจีดีพี (GDP -Good Distribution Practice) และมาตรฐานการปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ดี หรือจีเอสพี (GSP -Good Security Practice) มีการทวนสอบกลับได้ ตั้งแต่ปลายทางจนถึงต้นทาง ทั้งปริมาณ สภาพแวดล้อม การควบคุมอุณหภูมิ ระบบความปลอดภัยระหว่างการขนส่ง มีระบบการบันทึกเพื่อให้มั่นใจว่าตลอดเส้นทางที่ขนส่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อรักษาคุณภาพของวัตถุดิบก่อนเข้าสู่กระบวนการตรวจวิเคราะห์และผลิตต่อไป
นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ดอกกัญชาแห้งที่เก็บเกี่ยวครั้งนี้จะผลิตเป็นสารสกัดกัญชาแบบหยดใต้ลิ้น มีอัตราส่วน THC ต่อ CBD เป็น 1 ต่อ 1 บรรจุขวด ขนาด 5 ซีซี ได้ประมาณ 180,000 ขวด และจะประสานกับกรมการแพทย์เพื่อผลิตในปริมาณสัดส่วนของสารสำคัญตามความต้องการใช้กับผู้ป่วยและการศึกษาวิจัย ด้วยกระบวนที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย เพื่อให้ผู้สั่งใช้มีความมั่นใจ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์จะนำผลิตภัณฑ์กัญชาตาม มาตรฐานทางการแพทย์จากองค์การเภสัชกรรม ไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสมตามแนวปฏิบัติทางคลินิกที่ดี หรือจีซีพี (GCP-Good Clinical Practice) รวมถึงการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด กล้ามเนื้อหดเกร็งจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาท โรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน เป็นต้น รวมทั้งใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง นอกจากนี้ ได้วางแผนร่วมกับองค์การเภสัชกรรมและหน่วยงานต่างๆ ในการสกัดให้ได้ผลิตภัณฑ์กัญชาชนิด CBD เด่น เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักที่รักษายาก และโรคที่จำเป็นต้องใช้ CBD ในการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาโรคอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เกิดประโยชน์สูงสุด มีความปลอดภัย เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้น เป็นการเริ่มต้นเก็บเกี่ยวช่อดอกกัญชาทางการแพทย์สายพันธุ์ไทยที่ปลูกระดับอุตสาหกรรมในโรงเรือน (Indoor) แห่งแรกของอาเซียนจำนวน 12,000 ต้น ปลูกเมื่อเดือนกันยายน 2562 ซึ่งได้ทยอยเจริญเติบโตสมบรูณ์เต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว คาดว่าจะได้ช่อดอกกัญชาแห้ง 1,000 กิโลกรัม ซึ่งมีสารสำคัญ THC และ CBD และสารแคนนาบินอยด์อื่นๆ อีกกว่า 400 ชนิด ส่งให้องค์การเภสัชกรรมสกัดเป็นยาสารสกัดกัญชา ให้กรมการแพทย์นำไปศึกษาวิจัยในกลุ่มโรคต่างๆ และใช้ในคลินิกกัญชาในสถานพยาบาลของรัฐ
และในวันเดียวกัน ยังได้เริ่มปลูกกัญชาทางการแพทย์สายพันธุ์ไทยด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ในระดับอุตสาหกรรมแบบกลางแจ้ง (Outdoor) ให้เป็นต้นแบบการปลูกกัญชากลางแจ้งเพื่อใช้ทางการแพทย์ระดับครัวเรือนต่อไป
https://www.bhumjaithai.com/news/17030