เชื่อว่าไม่ว่ายามว่าง เวลาทำงาน ออกกำลังกาย หรือเดินทางด้วยรถสาธารณะ หลายๆ คนมักจะหยิบเอามือถือคู่ใจ หรือบรรดา iPod, iPad มาเสียบเพลงฟัง ดูหนังหรือเล่นเกมส์ เพื่อคลายเหงา(หู) กันใช่ไหม แต่น้อยคนนักที่จะสละเวลาหยิบหูฟังมาทำความสะอาดกันอย่างจริงจังสักที….
– น้ำเปล่ามีประโยชน์สำหรับทำความสะอาดสายเหมือนกันนะ
ถือเป็นการทำความสะอาดเบื้องต้นที่ง่ายที่สุดครับ น้ำเปล่านี้แหละใกล้มือสุดแล้ว เป็นวิธีทำความสะอาดอย่างได้ผลและปลอดภัยต่อสายหูฟังมากที่สุด สำหรับการทำความสะอาดเบื้องต้นนั้น เพียงแค่ใช้ผ้านุ่มๆหมาดๆเช็ดทำความสะอาดตามสายหูฟังก็พอแล้ว
– น้ำยาล้างจาน
ต่อกันที่ “น้ำยาล้างจาน” เนื่องจากเป็นสารเคมีที่ทำให้สามารถรักษาความสะอาดของสายหูฟังได้โดยสามารถกำจัดคราบสกปรกได้เช่นกัน แต่วิธีการใช้นั้น ให้ผสมกับน้ำสะอาด ใช้แค่หยดเดียวแล้วจากนั้นเอาผ้าสะอาดถูกับสายจากนั้น ถูกลับไปอีกเพื่อให้เกิดความสะอาดได้อย่างดี
– สบู่เหลว(ที่ไว้ล้างมือในห้องน้ำ)
เป็นไอเทมอีกหนึ่งอย่างที่หาได้ง่ายๆ ในทุกออฟฟิต โดยเฉพาะหาได้ในห้องน้ำ ซึ่งสบู่เหลวเป็นอีกสิ่งที่ใช้ทำความสะอาดได้อเนกประสงค์ไม่แพ้กัน เพียงแค่กดใส่มือแล้วถูกให้เกิดฟอง จากนั้นเอาสายไปทำความสะอาดแล้วล้างน้ำ แค่นี้ก็สะอาดแล้ว
– โลชั่นทามือหรือโลชั่นทาตัวทั่วไป
นี้ก็เป็นอีกอย่างทีใกล้ตัว ถือเป็นอีกวิธีที่เป็ได้ผลมากไม่เชื่อหันไปมองที่โต๊ะสาวๆ ข้างตัวคุณดู เพียงแค่ปั้มโลชั่นลงบนแผ่นสำลีหรือกระดาษทิชชู่แล้วนำสายหูฟังมาวางทับพร้อมบีบให้กระดาษหรือสำลีเกาะสายหูฟัง รูดไปมาช้าๆ สายหูฟังของเราก็จะสะอาดเหมือนใหม่แถมยังหายเหลืองอีกด้วยไม่เชื่อลองดูนะ
– ยาสีฟัน
บอกลาหูฟังสายทีดำ ๆ และเชื้อโรคที่เกาะอยู่บนบนสายของคุณไปได้เลย เพราะของใช้ในบ้านเหล่านี้ช่วยคุณทำความสะอาดได้ แม้ว่ามันจะไม่สะอาดร้อยเปอร์เชนต์ก็ตามครับ เอาเป็นว่าตอนที่คุณอีกงานไม่ออก ก็ลองหยิบไอเทมใกล้ตัวที่ผมนำมาแนะนำในวันนี้มาขัดๆ ถูๆ หูฟังของคุณดูก็ได้
ทิชชู่เปียก
อีกหนึ่งไอเทมที่หลายๆ คนมักมีติดไว้ในกระเป๋า ขั้นตอนการทำความสะอาดก็ไม่ยาก เพียงดึงกระดาษทิชชู่เปียกาออกมาสักแผ่น แล้วนำมาลูบไล้ไปมาบนเส้นสายหูฟัง แค่นี้สายหูฟังของเราก็จะสะอาดขึ้น
และยิ่งทำบ่อยยิ่งดีครับ ทั้งสะอาดไม่มีคราบแล้วยังขจัดเเชื้อโรคทางอ้อมไปในตัวด้วย
และจำไว้เสมอว่าในการทำความสะอาดหูฟังนั้น ”ห้ามใช้แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดเด็ดขาด” ทำแล้วอาจจะสะอาดได้อย่างตาเห็นจริง แต่ก็อาจไปทำลายพื้นผิวที่ถูกเคลือบไว้ หรือวงจรบางอย่างของหูฟังพังได้ครับ
ที่มา : Siritorn W. (Sanook)