นิทรรศการออนไลน์ : ความสุขในการทำงาน (Work happiness)

ความสุขคืออะไร …?

เป็นคำถามที่ดูเหมือนจะตอบง่าย แต่ก็ตอบยาก ….
เพราะขณะที่ใครหลายคนดูเหมือนจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่คนเหล่านั้นก็กลับค้นหาและพยายามไขว่คว้ามันอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับ ความสุขในการทำงาน (Workplace Happiness)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ความสุขในการทำงาน” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Happy at work ซึ่งการทำงานอย่างมีความสุขนั้น เป็นสิ่งที่บุคลากรทุกคนในองค์กรนั้นปรารถนาหากได้ทำงานในที่ทำงานที่รู้สึกว่ามีความสุขจะรู้สึกผูกพัน สนุกสนาน ความรู้สึกที่มาทำงานจะหมดไปกลายเป็นการร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ หากองค์กรใดที่สามารถทำให้สมาชิกมีความสุขในการทำงานมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่องค์กรนั้นจะประสบผลสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น โดยความสุขในที่ทำงานประกอบไปด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1. ความรื่นรมย์ในการทำงาน (Arousal) เป็นความรู้สึกสนุกขณะทำงานโดยไม่มีความรู้สึกวิตกกังวลใดๆ
2. ความพึงพอใจในงาน (Pleasure) เป็นความรู้สึกพอใจขณะทำงาน โดยไม่มีความทุกข์ใจในการปฏิบัติตน
3. ความกระตือรือร้นในการทำงาน (Self-validation) เป็นความรู้สึกอยากทำงาน เต็มไปด้วยความตื่นตัวและมีชีวิตชีวา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

จากข้อมูล วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ที่สำรวจผู้บริโภควัยทำงานในกรุงเทพมหานครช่วงปลายปี 2562  จํานวน 1,280 คน พบว่า 12% ของคนวัยทำงานอยู่ในภาวะหมดไฟ (Burnout Syndrome) และ 57% กำลังตกอยู่ในภาวะความเสี่ยงสูง ซึ่งกลุ่ม Gen Z เป็นวัยที่ตกอยู่ในภาวะหมดไฟมากที่สุดถึง 17% รองลงมาคือกลุ่ม Gen Y ที่ 13% และกลุ่ม Baby Boomer ที่ตกอยู่ในภาวะหมดไฟ 7% ผลสำรวจนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า การดูแลสุขภาพจิตใจของพนักงานในองค์กรเป็นเรื่องจำเป็น หลายองค์กรจึงต้องให้ความสำคัญกับความสุขในการทำงานมากขึ้น

 

 

 

 

 

 

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรากำลังทำงานอย่างไม่มีความสุข

จากข้อมูลของ “อเล็กซานเดอร์” ผู้บริหารงานสร้างสุข ได้ระบุ 10 พฤติกรรมที่เป็นสัญญาณบอกว่า  เรากำลังไม่มีความสุขกับการทำงาน ซึ่งประกอบด้วย

  1. ทำงานแบบผัดวันประกันพรุ่ง
  2. ในวันอาทิตย์แทนที่จะคิดถึงวันจันทร์แสนสดใส กลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
  3. เริ่มพูดถึงเรื่องเงินเดือน หรือคุยถึงเรื่องคนที่ได้รับโปรโมท แล้วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
  4. เริ่มไม่อยากให้ความร่วมมือกับใคร รู้สึกอยากนิ่งเฉย พร้อมกับคำถามว่า “ทำไมต้องเป็นเราที่ช่วยทำ”
  5. เมื่อมาทำงานก็รู้สึกว่าแต่ละวันช่างยาวนาน คิดแต่เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกงานเสียที
  6. เริ่มบ่นว่าไม่มีเพื่อนสนิทที่ทำงาน
  7. เริ่มไม่สนใจว่างานที่ทำจะออกมาเป็นอย่างไร
  8. รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องราวที่อยู่รายรอบ
  9. เริ่มสงสัยว่าทำไมคนโน้นคนนี้ถึงมีแรงจูงใจในการทำงาน
  10. เริ่มมีอาการเจ็บป่วยสารพัด เช่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ เมื่อยเนื้อเมื่อตัว

 

ปัจจัยที่ทำให้มีความสุขในการทำงาน

มีหลายปัจจัยที่ทำให้พนักงานความสุขในที่ทำงาน โดยในที่นี้เราขอสรุปออกมาทั้ง 5 ปัจจัยครอบคลุมความสุขในการทำงาน ดังนี้

  1. มีรายได้ที่เพียงพอ
  2. มีเจ้านายที่ดี
  3. มีเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยม
  4. มีความอิสระ
  5. มีชีวิตและการทำงานที่สมดุล (Work Life Balance)

 

HR จะส่งเสริมการสร้างความสุขในการทำงานได้อย่างไร ?

  1. ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในองค์กร การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กรจะช่วยให้พนักงานมีความผูกพันกัน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ภายในทีม หรือระหว่างแผนก สิ่งนี้จะช่วยให้ทุกคนในองค์กรรู้จักกัน

2. ใช้ระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น การทำงานแบบยืดหยุ่น ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงให้เหมาะสมกับแต่ละคน รวมถึงพฤติกรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปด้วย ฉะนั้นองค์กรใดที่สามารถปรับเปลี่ยนข้อจำกัดเพื่อรองรับการทำงานให้สะดวกที่สุด องค์กรนั้นก็จะได้คนที่มีศักยภาพเข้าไปร่วมงานได้มากที่สุด

3. ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในเส้นทางอาชีพ พนักงานคนหนึ่งอาจไม่ได้มีแค่เส้นทางเดียว ยังมีงานหลากหลายให้รับผิดชอบสิ่งสำคัญ ที่ผู้บริหารและ HR ควรตระหนักก็คือการวางแผนพัฒนาอาชีพ ให้ก้าวหน้า

4. ส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะใหม่ เนื่องจากทุกวันนี้โลกการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดงานใหม่และทักษะใหม่ๆ ตามมา ซึ่งบางครั้งเป็นทักษะที่ไม่ได้มีสอนตามหลักสูตรปกติทั่วไป หากมีการส่งเสริมให้พนักงานพัฒนาตัวเอง ผลประโยชน์ก็จะกลับมาสู่องค์กร

5. ชื่นชมและให้ฟีคแบคกับพนักงาน คงไม่มีการกระทำใดๆ ที่สร้างความสุขได้ดีไปกว่าการเอ่ยปากชื่นชม สิ่งนี้จะช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจพนักงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยสามารถทำผ่านการประเมินผลงานประจำปี

6. มอบผลตอบแทนและสวัสดิการที่ดี นอกเหนือจากเงินเดือนแล้ว สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความสุขให้คนทำงานได้เหมือนกัน

 

เคล็ดลับทํางานดีมีความสุข

  1. ปัญหาส่วนตัวทิ้งไว้ที่บ้าน เมื่อคุณมีเรื่องคิดเกี่ยวกับครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัว คุณจะไม่มีความสุขในการท้างานและไม่สามารถจดจ่อกับงานได้ ควรทิ้งเรื่องส่วนตัวไว้ที่บ้านแล้วสนุกกับงานตรงหน้า

2. สร้างพื้นที่ผ่อนคลายส่วนตัว คุณใช้เวลาในที่ทํางานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าในขณะที่คุณทํางานจะมีแต่ความตึงเครียดเท่านั้น คุณสามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ง่าย ๆ เช่น ตกแต่งโต๊ะทํางานให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย

3. เพื่อนคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อนในที่ทํางานที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายกับคุณจะช่วยแบ่งเบาความเครียดได้ไม่น้อยในยามที่คุณอยากระบายให้ใครสักคนฟัง

4. กินดีสุขภาพดี กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ เมื่อสุขภาพดีก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทํางาน เกิดความคิดดี ๆ ผลงานก็ออกมาดีตามไปด้วย

5. จัดระเบียบการทํางาน ควรจัดสรรเวลาในการทํางาน จัดระเบียบตัวเองให้ดี อย่าให้เกิดภาวะงานล้นมือทําไม่ทัน ก่อความเครียด และสุดท้ายผลงานออกมาไม่ดี

6. เคลื่อนไหว เดินไปมาบ้าง ควรเปลี่ยนอิริยาบถให้เลือดลมเดินสะดวก ส่งเลือดขึ้นไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะสมอ

7. อย่าพยายามเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน คุณไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้ แต่คุณสามารถเปลี่ยน วิธีการตอบสนองที่คุณมีต่อพวกเขาได้ อย่าให้การกระทําของคนอื่นมีผลต่อตัวคุณ

8. ให้รางวัลตัวเอง เวลาที่คุณตั้งเป้าว่าจะต้องทําอะไรบางอย่างให้สําเร็จ และเมื่อคุณทําได้ตามนั้น ก็ควรให้รางวัลตัวเองด้วย เป็นการเติมความสุขให้ชีวิตส่งผลต่ออารมณ์ที่ดีในการทํางาน

9. มองโลกแง่บวก สุขหรือทุกข์ล้วนอยู่ที่มุมมองของคุณ หากคุณมองสิ่งต่างๆเป็นบวก ชีวิตก็จะมีความสุขและสนุกกับงานได้ไม่ยาก

10. กล่าวคําทักทายตอนเช้า จะดีแค่ไหนถ้าคุณเริ่มต้นวันด้วยการทักทายคนที่ออฟฟิศด้วยรอยยิ้ม แล้วได้รับกลับมาเช่นกัน เห็นไหมว่า ความสุขเกิดขึ้นได้แม้เพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านี้เอง

บทสรุป

     เพราะความสุขเป็นสิ่งสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา ความสุขในการทำงานของพนักงานจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทุกองค์กรควรให้ความใส่ใจ เห็นได้จากงานวิจัยสารพัดที่บ่งบอกว่า ความสุขส่งผลดีต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งนั่นนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าขององค์กรต่อไป 

เกมส์ทดสอบ คุณคิดว่ายาขวดไหนที่จะทำให้คุณมีความสุขได้?

มาดูเฉลยกันเถอะ :

คุณเลือก A : ความต้องการที่จะ 『พักผ่อน』 ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรให้คุณเครียดอยู่เยอะเลยล่ะช่วงนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ความเครียดของคุณก็จะมาจากกิจวัตรประจำวันของคุณที่มีอยู่ แต่หากคุณมาพิจารณากิจวัตรของคุณในแต่ละวันอย่างถีถ้วน และให้เวลากับการพักผ่อนซักหน่อย ก็น่าจะทำให้ชีวิตคุณสมดุลได้ วินาทีนี้ไม่น่าจะมีอะไรที่คุณอยากไปมากกว่านี้ หาเวลาให้กับตัวเองไปนอนหลับพักผ่อนบ้าง 

คุณเลือก B : คุณมีความต้องการที่จะ 『ค้นหาสิ่งใหม่ๆ』 ดูเหมือนคุณเป็นคนที่ทำตามกฏระเบียบทุกอย่าง ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามวงจรเดิมๆอยู่ทุกวันๆ เจอคนเดิมๆ บทสนทนาเดิมๆ แต่ดูๆแล้ว คุณไม่น่าจะใช่คนที่ชอบทำอะไรเดิมๆเท่าไรนะ? คุณออกแนวชอบเริ่มต้นลองทำอะไรใหม่ๆ ท่องเที่ยวออกไปเจออะไรแปลกๆ น่าจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นกว่าการทำอะไรอยู่เดิมๆเป็นไหนๆเลย ออกไปชวนเพื่อนๆที่มีอุดมการณ์เดียวกันกับคุณ แล้วออกไปตามหาที่เจ๋งๆ ออกไปหาเที่ยวไกลๆด้วยกันเถอะ

คุณเลือก C : คุณมีความต้องการที่จะ 『ความรัก』 ผลการวิเคราะห์บอกว่าคุณมีความอยากเรื่อง “ความรัก” คุณเคยฝันอยากมีความรักที่ดีๆ โรแมนติคเหมือนที่เคยเห็นในหนังความรู้สึกภายในตัวคุณตอนนี้ เหมือนกำลังโหยหาใครสักคน อยากรู้จักกับใครสักคน หรือกำลังอยากได้ใครสักคนกลับมาอยู่ตอนนี้ ก็หวังว่าคุณจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อความรักของคุณสักอย่าง ขออย่าให้หัวใจของคุณห่อเหี่ยวไปเสียก่อน สำหรับเรื่องความรัก มันไม่มีกฏอะไรตายตัวอยู่แล้ว มาลองทำให้ทุกวันของคุณเป็นวันที่มีความหมายดูกันเถอะ 

คุณเลือก D : คุณอยากจะให้ใครสักคน 『สนใจคุณ』 พูดอย่างงี้ ไม่ได้หมายความว่า ต้องให้ทุกคนมารักคุณนะ แต่หมายความว่าคุณอยากให้มีใครสักคนมาสนใจคุณบ้างต่างหากล่ะ! ใครสักคนที่สนใจในสิ่งที่คุณทำ ยอมรับในตัวตนของคุณ หรือถ้าจะให้ดี มีใครสักคนสนับสนุนและอยู่เคียงข้างคุณไปด้วยก็จะดีไม่น้อย เพราะพื้นฐานนิสัยของคุณจริงๆแล้ว คุณเป็นคนที่ไมได้ชอบให้ใครมาสุงสิงหรือยุ่งกับเรื่องราวของคุณมากมายเท่าไรนัก (ถ้าไม่สนิทกันพอ)… ลองใช้เวลานี้อยู่กับคนรอบข้างให้มากขึ้น พูดคุยและรับฟังสิ่งที่ทั้งคุณและเพื่อนต่างสนใจ น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณได้รู้จักเกี่ยวกับตัวคุณมากขึ้น

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :

https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/115044
https://w2.med.cmu.ac.th/
https://th.hrnote.asia/
https://www.dmh.go.th
https://www.businessplus.co.th
https://th.vonvon.me/quiz/r/1762/9375/v_23333bgge00pe46kv